xs
xsm
sm
md
lg

“โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”อีกแล้วครับทั่น !!??......ประกาศบนเวทีงานเลี้ยงรุ่น นรต.47 รับปากเพื่อนที่ตกค้างเป็นแค่สารวัตรต่อไปนี้ทุกคนต้องเป็นท่านรองฯผู้กำกับ.....

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บันทึกความดี “เติ้ง เสี่ยวหาร”ยุคเป็นใหญ่มี “บิ๊กตำรวจ”หิ้วเงิน 30 ล้านไปประเคนถึงบ้านแต่ไม่ยอมรับขอให้กลับไปปรับปรุงหน่วย-ช่วยเหลือลูกน้อง “ตลกร้าย” กระทรวงยุติธรรม -สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “ความรู้สึกช้า” ปล่อยให้ตำรวจภาค 4 สอบสวนทำคดี “สุสานอำนาจเถื่อน” ทำนอง “อุ้มเอง-สอบเอง” ประจานประเทศไทยยับ - กลายเป็นอาณาจักรแห่งความน่าสะพรึงกลัวในพริบตา “สืบสายโลหิต ศิษย์ข้างเคียง เสบียงหลังบ้าน กราบกรานสอพลอ ล่อไข่แดง แกร่งวิชา ถลามามาเอง” ม็อตโต้ประจำสังคมสีกากี ขยายความว่าต้องมีความเป็นเครือญาติ เพื่อนร่วมรุ่น-รุ่นพี่รุ่นน้อง มีผลประโยชน์กับคนนายหลังบ้าน ประจบประแจงป้อยอประเภท ใช่ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับท่าน...สุดยอดเลยครับ-ค่ะ หรือคำไทยแท้จำกัดความให้พวกสอพลอว่าเป็นพวกเลียตีน อีกพวกคือลงทุนเอาตัวเข้าแลก ยอมเป็นเมียน้อย เมียเก็บ-ชู้หรือกิ๊ก เป็นเขย-สะใภ้...ครบเครื่องประมาณนี้ลาภ-ยศ-สรรเสริญ จะถลามาเอง ครับพ้ม!!??

00000.....กลายเป็นสัปดาห์แห่งความระทึกและความเศร้าเมื่อดีกรีทางการเมืองร้อนแรงขึ้นทุกวันๆ แต่จู่ๆอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 นายบรรหาร ศิลปอาชา เกิดล้มป่วยกะทันหันด้วยโรคหืบหอบและถึงแก่อานิจกรรมในเวลาต่อมา “บิ๊กเกรียน”ขอส่งจิตคารวะให้ดวงวิญญาณสู่สุคติในสัมปรายภาพ ขอให้ “มังกรแห่งสุพรรณบุรี”ไปสู่ภพภูมิที่ดี ถือว่าเป็นการรุดม่าน-ผิดฉากงานการเมืองของ “บิ๊กเติ้ง”อย่างแท้จริง ส่วนพรรค “ชาติไทยพัฒนา”จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเชื่อว่าอีกไม่ช้าไม่นานคงมีการชี้แจงแถลงไข.....อื่มมมม...เมื่อหยิบเรื่องการจากไปของปู่การเมืองที่ยิ่งใหญ่ มาไว้อาลัยกันแล้วคงต้องนำเสนอเกล็ดเล็กๆของอดีตนายกฯบรรหาร ที่มีต่อวงการตำรวจเพื่อให้เห็นคุณงามความดี อีกแง่มุมหนึ่งที่ใครหลายคนไม่ทราบ หรืออาจจะทราบแต่ทำเป็นมองไม่เห็น

00000.....ปี 2537 ยุทธจักรสีกากียังบริหารงานแบบเก่า มีพล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา เป็นอธิบดีกรมตำรวจ ส่วนทางการเมืองมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี บรรยากาศระหว่างคนในรั้วปทุมวัน กับทำเนียบฯไม่สู้ดีสักเท่าไหร่เนื่องจากมีข้อครหาเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งปูดขึ้นมาเป็นระยะๆ อ.ตร.พจน์ ใช้ความพลิ้วประคับประครองรักษาเก้าอี้ของตัวเองด้วยการแบ่งสันปันส่วน จัดตำแหน่งสำคัญๆให้กับฝ่ายการเมืองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ในขณะเดียวกันนักการเมืองก็อย่ามาแหยมโควตาของตัวเอง กระทั่งมีการยุบสภาฯจัดให้เลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศ.....”บิ๊กเกรียน” ขั้นจังหวะเว้นวรรคสักครึ่งนาที ก่อนตั้งคำถามว่าถ้าคุณผู้อ่านเป็น อ.ตร.พจน์ ซึ่งไม่ค่อยจะชื่นชมพรรคประชาธิปัตย์ สักเท่าไหร่ และระแวงว่าจะถูกนักการเมืองพรรคนี้ “ปลด”จะทำอย่างไร.....คำตอบก็คือ อ.ตร.พจน์ สั่งให้กรมตำรวจจัดทำ “ตำรวจโพล”โดยจัดทีมออกสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการเมืองในยุคต่อไปซึ่งใครต่อใครก็ทราบกันดีว่า “ตำรวจโพล”มีความแม่นยำ ไม่มั่ว เป็นการสำรวจเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงต่างกับโพลเลียแข้งเลียขาผู้มีอำนาจหลายสำนัก... ผลคือพรรคชาติไทย และค่ายการเมืองฝ่าย “แค้น” ในตอนนั้นพุ่งนำลิ่ว การแต่งตั้ง-โยกย้ายต่างๆจึงทำเพื่อรองรับ เปิดโอกาสให้กับพรรคฝ่ายแค้นโดยเฉพาะ จึงเป็นที่รู้กันว่าในเบื้องลึกสีกากี สนับสนุนซีกการเมืองตรงข้ามฝั่งนายหัวชวน อย่างเต็มที่ ขณะที่มีการสนองตอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เฉพาะในสนาม กทม.โดยเจาะไปที่ฝั่งธนฯถิ่นอิทธิพลของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงภายใต้การควบคุมของนายตำรวจดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนั้น 3-4 คน

00000.....ตัวละครมีใครบ้างถ้า “บิ๊กเกรียน”เอามาบอกรับรองจะอ้าปากหวอ!!??... เอาเป็นว่ายุทธการขยี้ “ขุนศึกฝั่งธนฯ”ถูกกำหนดให้ดึงแขนซ้าย แขนขวาของร.ต.อ.เฉลิม ให้มาอยู่ข้างประชาธิปัตย์...บรรยากาศเลือกตั้งเขตบางแค -หลักสอง-หนองแขม-ภาษีเจริญ คึกคักสุดประมาณ มีทั้งตำรวจ นักเลง และเงินปลิวว่อน เป็นการปะทะอย่างถึงพริกถึงขิงระหว่างพรรคการเมืองซีก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงและซีกประชาธิปัตย์ อันมีผู้สมัครชื่อดัง 3 คนคือ “จ่ามี สิทธิพร ขำอาจ -วิทย์ บางแค -อ๊อด สารวัตรทหาร”ซึ่งในระหว่างการหาเสียง จนไปถึงวันที่ประชาชนไปใช้สิทธิ์ในหน่วยเลือกตั้ง แต่ละฝ่ายใช้ทั้งอำนาจเงิน นักเลง กันอย่างเต็มที่ ส่วนตำรวจส่งไปบล๊อกบ้านหัวคะแนน ทำกันทุกวิถีทางในที่สุดประชาธิปัตย์ ได้ “วิทย์ บางแค”เพียงคนเดียว ส่วนผู้กองเหลิม ยังรักษาตำแหน่งไว้ได้พร้อมกับลูกทีมอีก 1 คน

00000.....นี่แค่เพียงสนามเดียว หากจำลองการเลือกตั้งทั่วประเทศมันคงสุดๆทั้งการใช้อำนาจ และเงินทอง เมื่อผลเลือกตั้งพรรค “เทพ”พ่ายแพ้อย่างยับเยินนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 คงไม่ต้องพูดถึงความมั่นคงของเก้าอี้ “อธิบดีกรมตำรวจ”ซึ่งกลับมาอย่างเต็มที่ 100 % ต่างจากอำนาจในสายประชาธิปัตย์ แม้แต่ตำรวจที่ทุ่มการถวายหัวต่างต้องพากัน “หลบภัย”ไปตามนามสกุลหัวหน้าพรรค....วันเวลาผ่านไป...การเมืองก็คือการเมืองเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ เกิดภาวะถดถอยภายในรั้วปทุมวันอีกครั้ง มีข่าวปลดข่าวเด้งเป็นช่วงๆวันหนึ่งมี “บิ๊กตำรวจ”หอบเอาเงินสดๆ 30 ล้านบาทใส่เป้ขับรถไปยังบ้านพักหลังใหญ่แถวๆถนนจรัญสนิทวงศ์ ด้วยเหตุผลจะซื้อใจผู้มีอำนาจเพื่อความมั่นคงของเก้าอี้....นักการเมืองใหญ่ออกมาพบพร้อมกับปฏิเสธและแนะนำให้นำเงิน 30 ล้านไปดูแลลูกน้อง กับพัฒนาหน่วยงานท่ามกลางความงง-งวยไม่คาดคิดมาก่อนว่านักการเมืองใหญ่ที่มีข่าวในทางเสียหายจะไม่สนใจเงินจำนวนมหาศาลที่ขนไปประเคนถึงบ้าน

00000.....”บิ๊กเกรียน”คนผ่านโรค-โลกมาเยอะ ยกคำสอนคำเตือนของท่านพุทธทาสฯ “จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า”ใส่กรอบติดหน้าโต๊ะทำงาน....เขาเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย ”เขาโง่ในบางอย่างเหมือนที่เราเคยโง่....เขาก็ตามใจตัวเองบางอย่างเหมือนที่เราเคยกระทำ...เขาก็อยากดีเหมือนเรา ที่อยากดี เด่น ดัง....เขาก็มักจะกอบโกยและเอาเปรียบเมื่อมีโอกาสเหมือนเรา....เขามีสิทธิที่จะบ้า ดี เมาดี หลงดี จมดี เหมือนเรา...เขาเป็นคนธรรมดาที่ยึดมั่นถือมั่น อะไรต่างๆเหมือนเรา...” ลองหามาอ่านเถิดมนุษย์ขี้เหม็นทั้งหลาย ท่านอาจจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว.... เขาหรือเรากันแน่ที่แย่กว่า....

00000.....แฮ้ม!!?? มาเข้าสังคมตำรวจกันบ้าง..ระหว่างรอคำสั่งแต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการระดับสารวัตร -รองผบก. “บิ๊กเกรียน”ต้องยอมรับว่าสุดยอดพาวเวอร์ - สุดยอดบารมีสีกากีในยามนี้มีอยู่เพียง 3 คนคือ “หัวขบวน -บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (นรต.36)รายนี้ทั้งเพื่อนพ้องน้องพี่กระจายไปทุกสาขาอาชีพเต็มบ้านเต็มเมือง รายที่สองยกให้ “บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง (นรต.35)แม้แม่น้ำ ตลอดจนคลองเล็กคลองน้อยจะไหลไปยังเขื่อนใหญ่ แต่ไม่ว่า “ต่อท่อ”เผื่อเหลือเผื่อขาดมายัง “เขื่อนรอง”เพราะเมื่อคำนวณถึงห้วงเวลา อีกทั้งจังหวะการย่างก้าว-ลำหักลำโค่น “บิ๊กเกรียน”ไม่อยากเซดเดี๋ยวจะโดนข้อหาทำให้เกิดความแตกแยก....รายที่สามขอยกให้ “เสี่ยโจ๊ก หวานเจี๊ยบ”พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล ผบก.ท่องเที่ยว ( นรต.47) และเลขาฯหน้าห้องพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี.....”เสี่ยโจ๊ก”เป็นใครมาจากไหน ขี้เกียจจะบรรยายแล้วเพราะ “ที่นี่”เขียนถึงทุกแง่ทุกมุมชนิดที่แทบแยก ดีเอ็นเอ.ออกมาได้...ล่าสุด ในงานเลี้ยงรุ่น นรต.47 มีชายรูปร่างสันทัด ผิวดำๆขึ้นเวทีกล่าวปลกขวัญกำลังใจให้กับเพื่อนๆพร้อมรับปากว่า เพื่อนคนไหนที่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นรอง “ผู้กินกับ” คำสั่งแต่งตั้งรอบที่ 8 นี้รับประกันซ่อมฟรีว่าจะต้องขึ้นเป็น “รอง ผกก.” ด้วยกันทุกคน......สาธุ!!??

00000.....เฮ้ยยย!!??....ถ้าเป็นจริงตามนั้นก็ไม่รู้จะวิจารณ์ยังไงดี....ยุคใครยุคมัน...เข้าทำนอง “สืบสายโลหิต”เปี๊ยบ....”บิ๊กเกรียน”ฝากไว้นิ๊ด....ไงก็อย่าลืมระบบคุณธรรม เปิดโอกาสให้กับตำรวจดีๆ ตำรวจที่ตั้งใจทำงานรับใช้ประชาชนกันบ้าง หากวันดีคืนร้าย “บิ๊กแป๊ะ -บิ๊กปู”เลียนแบบมั่ง ประกาศจะ “หนับหนุน”เพื่อนร่วมรุ่นใครยังไม่เป็นนายพล จะให้ขึ้นเป็นผู้การฯทั้งหมด...แบบนี้สังคมตำรวจโดยรวมก็คง “อิ๊บอั๋ย” ต่อไปจะหาใครทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไม่ได้...เพลาๆไว้บ้างก็ดีนะโจ๊กนะ!!??

00000.....คดีอุ้มฆ่า-เผานั่งยาง ถูกเปิดโปงจนโลกตะลึง วันนี้รวมแล้ว 18 ศพเป็นอย่างน้อยกับ “ป่าช้าศาลเตี้ย” ทำราวกับบ้านป่าเมืองเถื่อน เหตุเกิดในพื้นที่บ้านคำบอนเวียงชัย ต.หนองแวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เมื่อมีคนไปพบร่องรอยคดีฆาตกรรม “อุ้มเผานั่งยาง”....ขอโทษ...หากไม่มีกรณีนางบังอร ทองอ่อน เศรษฐีเงินกู้ประจำหมู่บ้านจะรู้กันไหมนี่ ทั้งที่ข่าวระบุว่าชาวบ้านรู้ ใครๆก็รู้ ตำรวจเองก็น่าจะรู้ว่าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตรงจุดที่ใช้เป็นฌาปนกิจเหยื่ออุ้มฆ่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากชุมชน.....คำว่าป่าสงวนอาจจะคิดว่าเป็นที่ห่างไกล รกร้าง-ลึกลับ แต่ความเป็นจริงก็คือป่าโปร่งอันเป็นพื้นที่สาธาณะแต่ยังประกาศเป็นป่าสงวนฯพบมีทั่วไปตามหมู่บ้านของภาคอีสานและภาคเหนือ....ป่าที่ว่านี้มีทั้งทางเดินเท้า-จยย.สามารถเข้าถึง บางแห่งรถยนต์เข้าไปได้ ยิ่งฤดูฝนชาวบ้านชอบเข้าไปหาเห็ดมาทำอาหาร

00000.....ลักษณะป่าสงวนท้ายหมู่บ้านจึงเป็นทั้งแหล่งอาหาร ที่ทิ้งขยะ และเป็นป่าช้าเนื่องจากชนบทห่างใกลบางพื้นที่ยังเผาศพแบบดั้งเดินหรือกองฟอนโดยใช้ฟืน ตรงจุดนี้หรือใกล้เคียงไม่ค่อยมีใครย่างกลายเข้าไปเนื่องจากความเชื่อเรื่องอาถรรพณ์ และความหวาดกลัวประสาชาวบ้าน.....แต่ในทางกลับกันป่าท้ายหมู่บ้านนี่เองกลายเป็นจุดเผาทำลายศพที่มาจากการฆาตกรรม-อุ้มฆ่า บ้างมาจากนโยบายกำจัดอิทธิพล กำจัดผู้ค้ายาเสพติด...ระบบศาลเตี้ยในสังคมไทย ใครจะเชื่อว่ายังคงมีอยู่ทุกยุคทกสมัย เว้นแต่จะหนักหรือเบา...กรณีของนางบังอร เพิ่งเกิดเมื่อเดือน มิ.ย.2557 และมาพบถูกเผาทำลายเหลือเพียงอวัยวะบางส่วนกับท่อนขาที่เผาไม่หมด จากคดีนี้เมื่อมีการค้นหาวัตถุพยานในที่เกิดเหตุก็พบร่องรอยการฆาตกรรม “อุ้มฆ่า-เผานั่งยาง”อีกถึง 18 จุดซึ่งในขณะนี้มีญาติผู้เสียหายมาขอตรวจดีเอ็นเอ.แล้วหลายรายอาทินายวรรลพ แสนสกุล อายุ 46 ปีมาแจ้งว่านายสาย แสนสกุล อายุ 61 ปีบิดาหายออกไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี 2551 กับนางศริยา สีหราช อายุ 46 ปีมาแจ้งว่านายเอกพันธ์ อายุ 20 ปีหายตัวออกจากบ้านเมื่อปี 2552

00000.....เมื่อ “เรื่องแดง”ออกมาแล้ว “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”จะทำอย่างไร!!??....แม้ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 จะออกมายืนยันให้ตำรวจท้องที่ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา แต่......คนที่เกี่ยวข้อง...คนที่อยู่ในขบวนการอุ้มฆ่าท่านไม่สามารถปฎิเสธได้ว่ามีตำรวจสายปราบปรามในพื้นที่บางกลุ่ม บางคนมีเอี่ยวกับการกระทำทุกครั้ง อย่างน้อยที่ปรากฏในสุสานนี้คือ 18 ราย 18 ศพ.....แม้อาจจะมีเสียงทำนองว่านี่คือการจัดระเบียบสังคม นี่คือมาตรการขั้นเด็ดขาดสำหรับผู้ค้ายาเสพติด หรือนักเลงอันธพาลตลอดจนถึงโจรลักวัวควาย หากแต่ “อำนาจมืด”ที่ไม่มีการตรวจสอบ ก่อนเลยเถิดไปถึงคดีนางบังอร อาชีพปล่อยเงินกู้ซึ่งถือว่าเป็นสุจริตชนคนธรรมดา ท่านผู้มีอำนาจจะให้ชาวบ้านตาดำเชื่อมั่น หรือไว้วางใจกับระบบเถื่อนนี้ได้อย่างไร.....ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่แต่ก็แปลกที่
กระทรวงยุติธรรม - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับเงียบกริบ!!??....”บิ๊กเกรียน”ขอถามว่า...เกิดอะไรขึ้น....เมื่อเป็นเรื่องราวขนาดนี้หน่วยงานแรกที่ควรลงพื้นที่ก็คือ DSI หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมกับนิติวิทยาศาสตร์ ที่มีความเป็นกลาง น่าเชื่อถือ.....”ตลกร้าย” ของคดีนี้ก็คือการปล่อยให้ตำรวจพื้นที่ซึ่งทราบกันดีว่าไม่ใครก็ใครเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยยังเดินเข้าเดินออก หรือเผลอๆอาจจะมีใครร่วมทำคดีด้วยแล้วตอนจบมันจะเป็นไง ถ้าไม่ใช่เจ๊ากันไป หรือข่มขู่พยาน ผู้เสียหายกันจนหัวหด

00000.....คดีอุ้มฆ่าทั้งเผานั่งยาง หรือลงถังแดงล้วนแต่สะท้อนความป่าเถื่อน ตัวอย่างเช่นคดีนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม เถ้ากระดูกป่นเป็นแป้งตามหากี่ปีก็หาไม่เจอ...เมื่อผู้รักษากฎหมาย(บางคน)ใช้วิธีลัด วิธีสกปรกแทนที่จะเป็นไปตามกฎหมาย ความวิบัติย่อมเกิดขึ้น “อุ้ม”ถูกคนก็ตาย “อุ้ม”ผิดคนก็ตายเพราะขืนปล่อยไปจะกลายเป็นพยานมาปรักปรำทำให้แก๊งอุ้มฆ่าต้องติดคุก...ผ่านมาตั้งแต่ยุคปราบปรามคอมมิวนิสต์ ทุกวันยังติดพันจนกลายเป็นอิทธิพลเถื่อน อำนาจมืดโดยมีคนของรัฐบางหน่วย บางคนเข้าไปเกี่ยวข้อง....ตกลงว่าบ้านเมืองเราที่กำลังเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปก็ยังคง “เถื่อน”สร้างความสะพรึงกลัวแก่สุจริตชนเพราะขบวนการอุ้มฆ่ามันไม่เลือกเฉพาะคนร้ายคนเลว แต่ขยายวงรับจ้างแค่หลักหมื่นหลักแสน....แถมฆ่าแบบหาพยานหลักฐานเข้าถึงตัวลำบาก...บางศพลูกเมียไม่มีโอกาสเห็นแม้แต่กระดูก....พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านจะจัดการปัญหานี้แบบเดินหน้า หรือเฉยไว้ดีครับ !!??
กำลังโหลดความคิดเห็น