สะเก็ดไฟ
ยืนอยู่ตรงนี้ยิ่งกว่าลำบากใจ คนหนึ่งก็พี่ชายสุดที่รัก ปลุกปั้นกันมาจนได้ดิบได้ดี เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผู้นำรัฐประหาร กระทั่งขึ้นจุดสูงสุดในเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อีกคนก็มีบารมีเป็นที่เคารพนับถือของเหล่าทัพ ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด มีคุณูปการต่อประเทศมากมาย ใครเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นาทีนี้ ก็คงจะน้ำท่วมปากเช่นกัน
ยิ่งนานวัน ภาพรอยลิ่มความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้มากบารมีในปัจจุบัน กับผู้มากบารมีเจ้าเก่าก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ภายใต้การกำกับดูแลของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกหมายจับ “บิ๊กตุ้ม” พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังมีการส่งไลน์พาดพิง พล.อ.คนหนึ่งเซ็งลี้เก้าอี้ตำรวจ
ทั้งๆ ที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ คือแนวร่วมคนสำคัญของ คสช.ในการฟาดฟันกับระบอบทักษิณ แถมยังเป็นสมาชิก สปท. ที่ “บิ๊กตู่” แต่งตั้งเองกับมือ จะว่าไปก็คือมิตรร่วมรบ สามารถเคลียร์กันเป็นการภายในได้ เพราะเรื่องการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ก็มีการพูดกันมาตั้งแต่ปีมะโว้ คนนินทามาแต่ไหนแต่ไร แต่ “บิ๊กป้อม” ก็เลือกที่จะเชือด โดยไม่มีทีท่าย่อหย่อน มันก็มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้
นอกจาก ชั่วโมงนี้ใหญ่แบบไม่ต้องแคร์ใครแล้ว
แล้วยิ่งเป็นการตอกลิ่มข่าวการขบเหลี่ยมกันของสองผู้มากบารมี หลังจากก่อนหน้านี้มีการพยายามตั้งข้อสังเกตว่าหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ “บิ๊กป้อม” ทำ เหมือนกับพยายามวัดรอยเท้ากับใครบางคน เพื่อแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันตัวเองนั้นทรงอิทธิพลต่อการเมืองไทยแค่ไหน แม้กระทั่งเมื่อครั้งดันก้น “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ จนได้ดิบได้ดี เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็มิวายถูกมองว่าเป็นการเข้าไปดึงอำนาจออกจากอกผู้มากบารมีคนเก่ามาทีหนึ่งแล้ว
ดังนั้น แม้ พล.ร.อ.พะจุณณ์จะออกจากบ้านน้อยเสามานานมากแล้ว แต่ภาพของ “ป.” ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ยังติดตัวไปตลอด ในฐานะคนสนิทที่เคยทำงานให้
การที่ สตช.เอาเรื่องเที่ยวนี้ มันก็เหมือนไม่เกรงอกเกรงใจข้ามหัวกันไปในที
ขณะที่ทุกวันนี้ แนวคิดของทั้งสองฟากไม่ค่อยจะตรงกันเท่าไหร่ ตีความกันไปคนละแบบ หลายครั้งดูเหมือนงัดข้อ อย่างเรื่อง ร่างรัฐธรรมนูญ ที่วันนี้ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำลังบรรจงร่างอยู่ก็เช่นกัน คนยังมองว่าเป็นการวัดพลังของสองขั้วอำนาจอีกหน
เพราะร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกของซือแป๋มีชัย เลือกจะใช้กลไกของศาล และตุลาการ เป็นผู้ทำหน้าที่ชี้ชะตาประเทศ มากกว่าจะไปซ่อนรูปอำนาจในองค์กรใหม่อย่างเช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) เหมือนกับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ให้อำนาจองค์กรอิสระมากขึ้น ซึ่งถูกเพ่งเล็งว่าเป็นทัศนคติของฝั่งอำมาตย์ จนมีการเชื่อมโยงความแนบชิดของมีชัย กับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
ทว่า มันกลับเป็นแนวคิดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ“บิ๊กป้อม”ที่ต้องการกลไกที่ชัดเจนในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี โดยมี ส.ว.สรรหา 200 คน เข้ามาคานอำนาจฝ่ายการเมืองในช่วงดังกล่าว ดีกว่าให้อำนาจของศาลที่ตัวเองไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้ ต่างฝ่ายต่างมองคนละแบบ มันก็เลยดูเป็นเฉือนคมกันอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ มันเลยทำให้เรื่อง ส.ว.สรรหา ในช่วงเปลี่ยนผ่านค้างเติ่ง ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีหรือไม่ แล้วถ้ามี จะมีอำนาจอะไร ยิ่งใหญ่ขนาดไหน สามารถถึงขั้นโหวตนายกฯได้เหมือนปี 2521 เลยหรือเปล่า จึงโดนแขวนเป็นเรื่องสุดท้ายที่ กรธ.จะพิจารณา เพราะกรธ.ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปมนี้คนลำบากก็คือ “บิ๊กตู่” ที่อยู่ตรงกลาง จะตัดสินใจอะไรออกไปก็อาจเป็นการทำลายน้ำใจของอีกฝ่ายหนึ่งได้ หรือเลวร้ายจนถึงขั้นอาจทำให้ดูเหมือนเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างการออกมาหนุนแนวคิด “พี่ป้อม” ที่ให้มี ส.ว.สรรหา ตรงนี้ก็ถูกนินทาแล้วว่า ถือหางพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์เต็มเปา
แล้วจากนี้ต้องดูอีกว่า “บิ๊กป้อม” ที่มีคนยกยอปอปั้นให้เลื่อนระดับเป็น “ป๋าป้อม” จะแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรให้เห็นอีก แต่ที่แน่ๆ แว่วดังมาว่า ขั้วอำนาจเก่าก็ชักรู้สึกแล้วว่า อีกฝ่ายเริ่มปีนเกลียวหนักขึ้น เลยมีคิวจ้องจะเอาคืนเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสเพื่อเป็นการสั่งสอนว่า อย่าคิดว่ามีอำนาจแล้วทุกคนต้องกลัว โดยเฉพาะบรรดาลูกๆ ของผู้มากบารมี ที่กำลังถูกเล่นงาน ต่างรอจังหวะอยู่
พลาดเมื่อไหร่ ล่อหนักแน่!
จะว่าไป แม้ทุกวันนี้ทุกสายอำนาจจะเข้ามูลนิธิป่ารอยต่อฯ มีทั้งกำลังทหารและคอนเนกชั่นทางการเมืองและธุรกิจ จนดูแล้วยากที่ใครจะโค่นได้ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าขั้วอำนาจเก่าเองก็ไม่ธรรมดา เขี้ยวเล็บ มันสมองยังอยู่ครบ ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องมีกำลังอะไรมากมาย แค่เล่นสงครามจิตวิทยา บางครั้งก็สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นในสังคมได้เหมือนกัน ดูอย่างหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา
เอาเป็นว่า ทีเด็ดทีขาดผู้มากบารมีคนเก่ายังเป็นศูนย์รวมของบุคคลสำคัญ ถ้าคิดจะชนใครก็ไม่ยาก แม้แต่รัฐบาลทหารก็เถอะ ยิ่งรัฐบาลชุดนี้ ที่เหมือนมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ก็ใช่ว่า จะไม่มีแผลเลย โดยเฉพาะระยะหลังๆ ชักมีข่าวอื้อฉาวออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ความไม่ชอบมาพากลในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ต่อเนื่องมาถึงข่าว หักค่าหัวคิวโครงการขุดลอกคูคลอง เรื่อยมาถึงกรณีวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ถ้าคิดจะขยายแผลให้ใหญ่ขึ้นก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไรเลย
“บิ๊กตู่” เองก็รู้ซึ้งถึงคำว่า ทหารแก่ไม่มีวันตายดี!
แต่บางทีมันก็คับอกคับใจ ในฐานะที่อยู่ตรงกลาง ถามว่าวันนี้มีน้อยเรื่องที่จะขัดใจ “พี่ป้อม” ส่วนใหญ่เออออห่อหมกทั้งนั้น แต่ขณะเดียวกันก็รู้ดีว่า การไม่ขัดอกขัดใจพี่ ก็กำลังขัดอกขัดใจคนที่เคารพนับถืออยู่ เหนือสิ่งอื่นใด และรู้อย่างเต็มอกว่า ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ เป้าหมายที่จะเดินไปถึงยิ่งแสนยาก
ก็ถ้าพี่ใหญ่ยังไม่หยุด “น้องตู่” ก็เหนื่อยหนักในการบริหารสมดุล