สะเก็ดไฟ
ผงาดขึ้นมาแบบไม่เหนือความคาดหมาย นอนมาแบบไม่มีพระนำอยู่แล้ว ข่าวก่อนหน้านี้ว่า “บิ๊กเอก” พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะอาวุโสลำดับที่ 1 กำลังเบียดแซงช่วงโค้งสุดท้ายก็ไม่ได้มีเค้าลาง แค่กองเชียร์กระโชกโฮกฮากให้เป็นกระษัย ให้ตื่นเต้นเร้าใจกันไปอย่างนั้น เพราะรู้กันอยู่เต็มอกว่า “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ในฐานะอาวุโสลำดับที่ 3 มีซูเปอร์คอนเนกชันดีขนาดไหน
การประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกกับกรรมการก.ต.ช. ก็เป็นเพียงพิธีกรรมให้ดูโอ่อ่าเป็นทางการเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ และตัวบทกฎหมาย
เพราะใครๆ ก็รู้ว่า ผบ.ตร.คนที่ 10 ของประเทศไทย ลอยลำมาตั้งแต่เปลี่ยนอำนาจการบริหารประเทศ
แถมยังเพิ่มน้ำหนักตรรกะดังกล่าวได้ด้วยเนื้องานที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. มอบหมายให้คู่แคนดิเดตอย่าง “บิ๊กอ๊อด” กับ “บิ๊กเอก” รับผิดชอบ โดยรายแรกถูกยกภารกิจด้านความมั่นคงให้ โดยเฉพาะการดูแลคดีความในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ส่วนรายหลังถูกมอบย่อบทบาทจากดูแลงานด้านความมั่นคง มาเป็นงานพิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และการปราบปรามการค้ามนุษย์ เรียกว่า เห็นเนื้องานก็เดาทางกันได้
ขณะเดียวกัน สายสัมพันธ์เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ “บิ๊กอ๊อด” ยังจะดูได้เปรียบคู่แคนดิเดตไปเยอะเสียด้วย โดย ผบ.ตร.ป้ายแดงรายนี้เป็นอดีตลูกน้องเก่าของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. แถมยังมีคอนเนกชั่นที่ดีกับพี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช.
อีกอย่าง ผบ.ตร.แกะกล่องรายนี้ยังถูกมองว่าเป็นมือประสานสิบทิศ เข้าได้กับสายการเมืองทุกขั้ว เพราะคลุกคลีมายาวนานตั้งแต่เป็นนายตำรวจติดตามนายมนตรี พงษ์พานิช อดีต รมว.พาณิชย์ โดยมีความสนิทสนมกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย ส่วนสายพรรคเพื่อไทยก็แนบแน่นกับ “บิ๊กอ๊อบ” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ซี้ย่ำปึ้กกับนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเพื่อนๆ ในแวดวงท็อปบูต
ดังนั้น แรงหนุนแรงผลักที่มีหนักหน่วงกว่ากันจะแจ้ง!!
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คราวนี้ เป็นเรื่องของการรอมชอมกัน โดยให้ “บิ๊กอ๊อด” ที่แม้จะอาวุโสน้อยกว่า “บิ๊กเอก” แต่ด้วยอายุราชการอีกเพียงแค่ปีเดียวจะเกษียณ เลยทำให้ได้รับโอกาสผงาดกุมบังเหียนค่ายปทุมวันก่อน ขณะที่คู่แคนดิเดตแม้จะอกหักในรอบนี้ ทว่ายังเหลืออายุงานอีก 2 ปี เลยมีกลิ่นโชยมาว่าจะได้ขึ้นเบอร์หนึ่งสีกากีทันทีที่รายแรกปลดระวาง
เมื่อลากเส้นเชื่อมโยงกัน ผนวกด้วยปัจจัยและเหตุผลข้างต้น ผลการประชุม ก.ต.ช.เมื่อเช้าวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงไม่มีอะไรต้องคลางแคลงใจกันให้เสียเวลาว่า ผลการเลือก ผบ.ตร.ยุคปฏิรูปประเทศ ใช้มาตรฐานอะไร จากนี้เลยทำได้แค่จับตาดูผลงานว่า จะเป็นเช่นไร
การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในครั้งนี้ ยังทำให้คาดเดาไปถึงโผแต่งตั้งนายทหารระดับสูงที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่นานต่อจากนี้ด้วย โดยเฉพาะเก้าอี้ที่น่าจะแบเบอร์แล้วอย่างผู้สืบทอดอำนาจ ผบ.ทบ.ต่อจาก “ลุงตู่” ที่สุดท้ายน่าจะมิวายลงเอยที่ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ผู้เป็นน้องเล็กแห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์ และผู้เป็นน้องรักของผู้นำคนปัจจุบัน
ลามไปถึงบรรดาปลัดกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่กำลังเข้าสู่ฤดูกาลโยกย้ายครั้งใหญ่ในห้วงเดือนกันยายนนี้ ที่น่าจับตาไม่น้อย เพราะเมื่อดูตรรกะการโยกย้ายตำแหน่งแห่งหนก่อนหน้านี้หลายตำแหน่ง นอกจากลำดับอาวุโสแล้ว หลายคนที่ผงาดคุมเก้าอี้สำคัญ ยังมีดูจะมีความสนิทสนม หรือมีความเกี่ยวพันทางใดทางหนึ่งกับคนที่ “บิ๊กตู่” ให้ความเคารพนับถือ และเกรงใจอย่าง “บิ๊กป้อม”
แทบยากจะปฏิเสธได้เลยว่า “บิ๊กป้อม” มีบารมีแค่ไหนในยุคปัจจุบัน ดูได้จากรายชื่อ 200 สนช. ที่มีการแต่งตั้งในชุดแรก บรรดากรรมการในมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดที่มีพี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์นั่งเป็นประธาน ตลอดจนคนสนิทมิตรสหาย พาเหรดกันเข้ามาแบบระเนระนาด ทำให้เห็นว่า บุคคลรายนี้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจขนาดไหน
ยิ่ง “บิ๊กอ๊อด” มาผงาดเบอร์หนึ่งยุทธจักรสีกากีกันได้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นเลยว่า ของเขาแรงจริงๆ
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากเก้าอี้ ผบ.ตร. ที่เพิ่งจะทุบโต๊ะแต่งตั้งกันไปหยกๆ อีกเก้าอี้หนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แบบว่า ต้องนั่งติดตามกันให้ดีคือ เก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีข่าวร้อนๆ ปล่อยผ่านสื่อเสื้อแดงว่าชักไม่มั่นคงเอาเสียแล้ว หลังมีเสียงซุบซิบกระชอกออกมาจากย่านคลองหลอดว่า อาจมีการโยกย้ายนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ให้ไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกรัฐมนตรีแทน
ข่าวนี้กระตุกต่อมอ่อนไหวของนายวิบูลย์ จนทำให้ถึงกับออกอาการของขึ้น อารมณ์พุ่งพล่านเป็นวัยฮอร์โมน กระโดดออกมาตอบโต้ทันควันว่า ไม่จริงอย่างที่ร่ำลือ แถมยังตีเกราะเคาะไม้ด้วยว่า หากถูกโยกไปตบยุงจริงก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะได้อยู่ใกล้ๆ นายกรัฐมนตรี
คำพูดตอบโต้ก็พอเข้าใจได้ว่า เป็นเพราะถูกพาดพิงแบบรุนแรง แต่คำสำทับทิ้งท้ายว่าๆ “จะได้ไปอยู่ใกล้ๆ นายกฯ” มองผ่านๆ อาจจะเป็นคำที่ให้กำลังใจตัวเอง แต่ถ้าถอดรหัสจับสัญญาณในทางการเมือง นี่คือ การส่งสาส์นไปถึงใครบางคน โดยเฉพาะต้นตอของข่าวเตะโด่งไปสำนักนายกรัฐมนตรีครั้งนี้
เพราะมีรายงานข่าวออกมาว่า นายวิบูลย์ดันสืบเสาะไปจนกระทั่งรู้ความจริงว่า ข่าวถูกปล่อยมาจากนักการเมืองใหญ่สายบุรีรัมย์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์และแนบแน่นกันมาช้านาน แต่ระยะหลังนักการเมืองดินแดนอีสานใต้ไม่ค่อยจะแฮปปี้กับการทำงานของตนเอง เนื่องจากกดปุ่มใช้งานไม่คล่องแคล่ว ง่ายดายเหมือนแต่ก่อน จึงออกมาเล่นจิตวิทยาขู่กันเสียเลย
ทั้งนี้ทั้งนั้น เลยต้องถ่างตารออย่าได้เหม่อลอย ถ้างานนี้หวยออกว่า นายวิบูลย์ต้องกระเด็นพ้นถิ่นคลองหลอดก็ให้รู้ไปเลยว่า เป็นผลงานชิ้นโบแดงของนักการเมืองใหญ่สายบุรีรัมย์ แล้วยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นักการเมืองโตดินแดนอีสานใต้รายนี้มีอิทธิพลแฝงอยู่เบื้องหลังอำนาจรัฐในยุคนี้จริงๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับผู้มากบารมีในปัจจุบัน