xs
xsm
sm
md
lg

“ชวน” ชี้ผู้รักษากฎหมายทำตามหน้าที่จะไม่มียึดอำนาจ - “รังสิมา” แฉวิ่งเต้น ผอ.คุรุสภาจังหวัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
อดีตนายกฯ บรรยายบทบาทนักกฎหมาย แนะยึดมั่นจริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ทำเพื่อส่วนรวม ช่วยเหลือสังคม อย่าละทิ้งอุดมการณ์เพื่อแลกอำนาจ ควรหมั่นศึกษาความรู้เพิ่ม ยันกฎบกพร่องแก้ได้แต่ต้องรอบคอบ ชี้หากผู้รักษากฎดำเนินการตาม กม.ก็จะไม่มีการยึดอำนาจหรือสูญเสีย ด้าน “รังสิมา” เผยครูร้องโกงเก้าอี้ ผอ.คุรุสภาจังหวัด จ่ายใต้โต๊ะเป็นแสน จี้ คสช.ปราบ

วันนี้ (20 ก.ค.) ที่เนติบัณฑิตยสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ บรรยายหัวข้อ “บทบาทของนักกฎหมายในระบอบประชาธิปไตย” ในการอบรมหลักสูตรภาคจริยธรรมเนติบัณฑิต สมัยที่ 66 ว่า นักกฎหมายที่ดีควรยึดมั่นหลักจริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและทำงานเพื่อส่วนรวม ควรปฏิบัติภารกิจด้วยความชอบธรรม และนำความรู้ด้านกฎหมายมาช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ พร้อมเตือนว่าเนติบัณฑิตต้องไม่ละทิ้งอุดมการณ์และความชอบธรรมเพื่อแลกกับอำนาจและตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ขณะเดียวกัน กฎหมายมีความหลากหลายต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้รอบด้าน เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองจะได้นำความรู้มาสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป

นายชวนกล่าวอีกว่า กฎหมายมีความสำคัญสำหรับประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เพราะทุกคนต้องเคารพกฎกติกาของบ้านเมืองที่ยึดหลักนิติธรรมและความยุติธรรม ประเทศจึงจะสงบสุขอย่างแท้จริง บทบาทของนักกฎหมายจึงมีผลต่อการปกครองประเทศ ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจสภาพปัญหาและหาแนวทางแก้ไขอย่างถูกวิธี ทั้งนี้ หากพบว่ากฎหมายใดมีข้อบกพร่องก็สามารถเสนอแก้ไขได้ แต่ต้องวิเคราะห์อย่างรอบคอบ มีเหตุผลที่เหมาะสมรองรับ และผ่านความเห็นชอบของทุกฝ่าย เพื่อให้บทลงโทษสอดคล้องกับคดีความ ทุกคนจะได้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้ากระทำความผิด ขณะที่เนติบัณฑิตยสภาต้องอย่าลดความเข้มข้นของวิชากฎหมาย เพื่อให้นักกฎหมายมีความรู้จริงเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ และทำหน้าที่ได้อย่างน่าเชื่อถือ

“ถ้าผู้รักษากฎหมายของบ้านเมืองดำเนินการตามกฎหมาย วันนี้ก็จะไม่มีการยึดอำนาจจากฝ่ายทหารหรือมีผู้เสียชีวิต” นายชวนระบุ

ขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีข้อร้องเรียนของข้าราชการครูในสำนักงานคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ เกี่ยวกับการทุจริตซื้อขายตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคุรุสภาจังหวัดจำนวน 78 ตำแหน่งว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการครูเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยกระบวนการการทุจริตเริ่มต้นจากการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าไปคัดเลือกในตำแหน่งดังกล่าวโดยให้มีอายุระหว่าง 45-70 ปี และกระบวนการคัดเลือกไม่ได้มาจากการสอบคัดเลือก แต่เป็นการให้เขียนวิสัยทัศน์และสอบสัมภาษณ์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องและไม่โปร่งใส เป็นการเจตนาเล่นพวกพ้อง ทำให้จะไม่ได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และข้าราชการครูอายุระหว่าง 60-70 ปี ที่ได้รับเงินบำนาญแล้วก็ยังได้รับเงินเดือนในฐานะ ผอ.คุรุสภาจังหวัด เดือนละ 25,000 บาท และจะเพิ่มขึ้นไปถึง 45,000 บาทภายใน 4 ปี ถือว่าเป็นการรับผลประโยชน์แบบสองต่ออีกด้วย

น.ส.รังสิมาระบุต่อว่า นอกจากนี้ เท่าที่ตนได้ตรวจสอบพบว่าผู้ที่สมัครในตำแหน่งนี้หลายราย มีการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งโดยจ่ายเงินให้คณะกรรมการที่เป็นผู้คัดเลือก 100,000 บาท และประธานกรรมการจำนวน 200,000 บาท ก็มีโอกาสได้เป็นแล้ว ซึ่งตำแหน่งนี้มีทั้งหมด 78 ตำแหน่งทั่วประเทศ อย่างน้อยๆ เงินที่จะสูญเสียไปให้คณะกรรมการอย่างน้อย 7,800,000 บาท และผู้ที่เป็นประธานคัดเลือกก็ได้รับประมาณ 15,000,000 บาท ถือเป็นการทุจริตคอร์รัปชันในวงการการศึกษาที่น่าอัปยศอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ตนเห็นว่าทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายที่จะปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังแล้วก็ขอให้ทางคณะ คสช.ช่วยดูแลและจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะถือเป็นเงินของทางราชการซึ่งน่าจะนำเงินไปพัฒนาในด้านการศึกษาของเด็กนักเรียนมากกว่าจะสูญเสียไปอย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น