“นิพิฏฐ์” เชื่อ นักการเมืองเดินสายพบปะ ปชช. รับความจริง พท. คงเป็น รบ. อีก ชี้ เห็นแก่ตัวระดับพอรับได้ อย่าทำให้เดือดร้อน ต้องรับฟังฝ่ายค้าน “รังสิมา” เผย หลังแฉทุจริตซื้อตำแหน่งใน ศธ. ตอนนี้มีหลาย จว. ระงับเพื่อสอบแล้ว ปูด มีคนร้องล็อกตัว ผอ.คุรุสภา จว. แล้ว ไม่เป็นธรรม ผลาญงบโดยใช่เหตุ แถมการสรรหา ผอ.สพฐ. ยังไม่โปร่งใส จี้ คสช. แก้ไข
วันนี้ (27 ก.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านทั้งงานทอดผ้าป่า งานศพ และอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ เชื่อว่า นักการเมืองทุกคนก็คงทำเช่นกัน แม้แต่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร นางอาภรณ์ สาราคำ อดีต ส.ว.อุดรธานี ก็คงทำอย่างนี้เช่นกัน และในการเลือกตั้งปีหน้า จ.ส.ต.ประสิทธิ์ นายขวัญชัย รวมถึงตนน่าจะได้เข้ามาเป็น ส.ส. และพรรคเพื่อไทยคงกลับมาเป็นรัฐบาลอีก สิ่งเหล่านี้คือความเป็นจริง ตนไม่ใช่คนโลกสวย หรือโลกไม่สวย แต่เป็นคนยอมรับความเป็นจริงของสังคม ขณะเดียวกัน ก็ยอมรับว่า สังคมต้องมีอุดมคติกำกับไปด้วย โดยตนปรารถนาเพียงให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้ มีความเห็นแก่ตัวในระดับที่พอรับกันได้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ทุกคนสามารถเดินทางไปบนแผ่นดินนี้ได้ทุกที่โดยไม่ถูกทำร้าย หากตนเป็น ส.ส. ฝ่ายค้านก็หวังว่ารัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นของตนบ้าง และให้ความเป็นธรรมกับคนที่เลือกตนมาด้วย นี่คืออุดมคติ ซึ่งมีแค่นี้ก็พอแล้ว
ด้าน น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการว่า ภายหลังจากที่ตนได้เปิดเผยในกรณีการทุจริตซื้อขายตำแหน่งผู้อำนวยการคุรุสภาประจำจังหวัด ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้ทราบว่ามีหลายจังหวัดได้มีการระงับการแต่งตั้ง และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนจนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยตนก็ได้รับข้อร้องเรียนจากข้าราชการครูเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยมีการระบุว่า ในขณะนี้ได้มีการวางตัวบุคคลที่จะนั่งในตำแหน่ง ผอ.คุรุสภาประจำจังหวัด ในกลุ่มเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผ่านกระบวนการทางผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัด (ผอ.สกสค.จังหวัด) ซึ่งไม่มีความเสมอภาคและไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครรายอื่นๆ และยังมีกระบวนการกลั่นแกล้งและคุกคามผู้ที่เปิดโปงการทุจริตในการคัดเลือกตำแหน่งนี้ อีกทั้งการตั้งตำแหน่ง ผอ.คุรุสภาประจำจังหวัด ก็จำเป็นจะต้องหาสถานที่ทำการ และค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช้เหตุอีกด้วย
“พ.ร.บ.สภาครูฯ จะมีสองหน่วยงานคือ คุรุสภาเป็นสภาวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคลากรทางการศึกษา รู้จักกันในวงการนี้ว่า สกสค. ซึ่งเขาตั้งสำนักงาน สกสค. จังหวัดทุกจังหวัด โดยใช้เหตุผลว่าดูแลความเป็นอยู่ของบรรดาครูและบุคลากรทางการศึกษา มี ผอ.สกสค. และบุคลากรประจำแม้ว่า กม. ไม่ได้กำหนดไว้แต่ที่ทำได้ เพราะมีรายได้ที่มาจากการจัดสวัสดิการต่างๆ เช่น กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ที่เรียกกันว่า ชพค. และ ชพส. มีองค์การค้าฯที่เดิมเรียกว่าองค์การค้าของคุรุสภา แต่ปัจจุบันเป็นของ สกสค. ตามกฎหมายใหม่ โดยมีหน้าที่ เช่น จัดพิมพ์เครื่องเขียนแบบเรียน การจัดสวัสดิการด้านเงินกู้ จากธนาคารออมสิน เป็นต้น จึงมีรายได้เกิดขึ้นนอกเหนือจากงบประมาณแผ่นดินทีได้รับการจัดสรรจำนวนหนึ่งในแต่ละปี รายได้ดังกล่าวนี้ สกสค. ก็เอามาเป็นงบประมาณจ้างได้ คุรุสภาไม่สามารถหาผลประโยชน์เช่นนี้ได้ หากมี ผอ.คุรุสภาจังหวัดก็จะทำหน้าที่เสมือนเป็นหน่วยรับเรื่องเท่านั้น ภาระค่าตอบแทนที่เป็นเงินเดือนและค่าใช้จ่ายในอนาคตก็จะตกเป็นภาระของงบประมาณแผ่นดินในที่สุด” น.ส.รังสิมา ระบุ
น.ส.รังสิมา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนก็ยังได้รับข้อร้องเรียนจากรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา ในจังหวัดแถบภาคเหนือตอนล่าง ในเรื่องการดำเนินการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เช่น ความไม่ชอบมาพากลในระหว่างการสอบ ผู้สมัครบางรายไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด มีข้าราชการระดับสูงเรียกรับเงินตั้งแต่ 1 - 4 ล้านบาท เป็นต้น ดังนั้น ตนอยากให้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่งหรือมาตราในการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของข้าราชการครูที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและตนอยากให้สังคมร่วมกันตรวจสอบในกรณีดังกล่าวอีกด้วย