รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้บึ้มกัวลาลัมเปอร์ไม่เกี่ยวไทย ย้ำแก้ไฟใต้ด้วยสันติ เผยจัดคนร่วมโต๊ะเจรจาแล้ว อย่าเกี่ยงต้องเป็นพลเรือนหรือทหาร ขอให้มั่นใจ พร้อมดึงทุกกลุ่มมาร่วมคุย
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์ระเบิดที่ประเทศมาเลเซียว่า เป็นปัญหาที่เกิดภายนอกประเทศ ในส่วนของเราก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทราบว่าเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านใกล้เรือนเคียงกับเราก็จะต้องให้ความสนใจ แต่ก็ไม่ได้กังวลในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ในเบื้องต้นประเทศมาเลเซียไม่ได้ติดต่อประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือกับทางประเทศไทยหากมีการหลบหนีเข้ามาภายในประเทศ
เมื่อถามถึงกรณีที่ประเทศมาเลเซียแจ้งมาว่าต้องการทีมพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทยเป็นพลเรือนมากกว่าทหาร พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เป็นการพยายามแสดงให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าต้องการดำเนินการอย่างสันติ เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่าการดำเนินการเพื่อสันติสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย และต้องเป็นไปทางสันติวิธี อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในส่วนของทหารและตำรวจที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ก็ได้ดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งการพูดคุยได้มีการระบุความรับผิดชอบในคณะกรรมการจะเป็นพลเรือนหรือทหารก็แล้วแต่กรอบของการทำงานที่ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แต่งตั้งหัวหน้าคณะกรรมการที่จะไปพูดคุยสันติภาพ ซึ่งคิดว่าทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงคงได้พูดคุยกันแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณากันต่อไป เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีความชัดเจน รอเพียงให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ถูกต้องตามขั้นตอน
“อย่าคิดว่าต้องเป็นพลเรือน หรือเป็นทหาร เพราะทุกส่วนมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในพื้นที่ทั้งนั้น รวมถึงการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยเฉพาะในส่วนของทหารเองที่ได้มีการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และกองทัพก็ดูแลกันมาตลอด ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหามายาวนาน มีความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นขอให้มั่นใจในตัวของคณะกรรมการและทีมงานที่จะมีการจัดตั้งขึ้นว่าจะได้รับการกลั่นกรองมาจากผู้ใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ขณะนี้ให้รอความชัดเจนก่อนเท่านั้น” พล.อ.อุดมเดชกล่าว
พล.อ.อุดมเดชยังกล่าวถึงกรอบและแนวทางการพูดคุยที่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เตรียมที่จะให้รัฐบาลพิจารณาว่า เบื้องต้นได้วางโครงสร้างพูดคุยไว้แล้ว ในส่วนของเดิมบางอย่างเป็นแนวทางก็นำมาปรับใช้ ส่วนอะไรที่ไม่เหมาะสมก็จะมีการแจ้งไปยังประเทศมาเลเซียให้ได้รับทราบ รวมถึงการวางละเอียดใหม่ลงไป ที่มีทั้งทีมย่อยในการเข้าไปช่วยกัน ดังนั้นขอให้สบายว่าการพูดคุยกันสันติสุขจะมีอย่างแน่นอน โดยจะควบคู่ไปกับการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมไม่ใช่ทหารอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ขอให้สบายใจว่าจะไม่เกิดความล่าช้า เพียงแต่ขอให้ทุกอย่างมีความเหมาะสมและลงตัวในรายละเอียดมากกว่านี้
เมื่อถามว่า นอกจากนี้จะมีการพูดคุยกันบีอาร์เอ็นแล้ว ส่วนกลุ่มอื่นๆ จะต้องดึงเข้ามาร่วมด้วยหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะต้องพยายามดึงเข้ามาร่วม ทั้งผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ และผู้เห็นต่างที่อยู่ข้างบนจะต้องไปตกลงกันว่าจะดึงเอากลุ่มไหนบ้างที่จะมาคุยกับฝ่ายเรา เราต้องการให้เกิดความครอบคลุมทั้งหมด เขาต้องไปตกลงกันให้ได้ และในส่วนของประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นผู้อำนวยความสะดวกจะต้องดำเนินการเรื่องเหล่านี้ให้เกิดความกระชับ ประเทศมาเลเซียจะต้องช่วยเราเพื่อให้การพูดคุยสันติสุขครบถ้วนทุกกลุ่ม เพราะเราต้องการให้มันครอบคลุมไม่ใช่เฉพาะคุยได้บางกลุ่มเท่านั้น แต่บางกลุ่มคุยไม่ได้ แบบนี้ปัญหาก็ไม่จบ อย่างไรก็ตาม ทางประเทศมาเลเซียยังไมได้แจ้งกำหนดเวลาในการพูดคุยที่ชัดเจน ทราบก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาว่านายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช.ได้ไปหารือกับประเทศมาเลเซีย รวมถึงผู้เห็นต่าง โดยได้มีการตกลงกันในระดับหนึ่งแล้วว่าจะดำเนินการสานต่อพูดคุยกันสันติสุขให้เกิดความต่อเนื่องตามเจตนารมณ์ แต่หลังจากช่วงวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาก็อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมของเราเองเพื่อรอให้กระบวนการต่างๆ มีความสมบูรณ์ครบถ้วน