รอง หน.ปชป. มองข้ามช็อต กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ มากกว่าใครเป็นประธาน สปช. แนะตระหนักการเมืองในอุดมคติ กับการเมืองในความเป็นจริง เชื่อแนวคิดมาจากสองเนติบริการ “วิษณุ-บวรศักดิ์” และข้อมูลจากสถาบันพระปกเกล้าฯ ฝากคำพูด “คึกฤทธิ์” นักการเมืองที่ไม่รู้จักธาตุแท้พัฒนาประชาธิปไตยไม่ได้
วันนี้ (4 ต.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ตนขอไม่ให้ความสำคัญต่อตัวบุคคล เพราะสนใจในตัวคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมากกว่า เนื่องจากคิดว่าคิดว่าตัวบุคคลไม่สำคัญเท่ากับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะตั้งขึ้นว่า จะมีการวางกรอบอะไรไว้บ้าง ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นกรรมาธิการนี้ขอให้ตระหนักว่าการเมืองมี 2 ด้านคือ 1.การเมืองในอุดมคติ และ 2.การเมืองในความเป็นจริง
ดังนั้น ผู้ที่จะมาเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงต้องรู้ความเป็นจริงของสภาพการเมืองไทย เช่น ยังมีการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งอยู่หรือไม่ หรือเมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วต้องใช้อำนาจนั้นอย่างถูกต้อง เป็นธรรมที่วิญญูชนพึงปฏิบัติหรือไม่ อย่างไร และเมื่อรู้โจทย์หลักของข้อเท็จจริงแล้ว ก็นำทฤษฎีในอุดมคติมาปรับใช้ให้เหมาะสม จึงอยากได้คนที่รู้เช่นเห็นชาติการเมืองไทยจริงๆ มาเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ใช่นำรัฐธรรมนูญของชาติชั้นนำมาบังคับใช้กับไทยที่มีบริบทของสังคม วัฒนธรรมที่ต่างกัน
“ส่วนตัวเห็นว่าแนวคิดต่างๆ คงจะผ่านมาทาง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี หรือนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และบุคคลเพียงไม่กี่คนโดยใช้ข้อมูลจากสถาบันพระปกเกล้าฯ เพราะเป็นสถาบันที่มีการศึกษาวิจัยการเมือง การปกครองไทยในเรื่องต่างๆ อีกทั้งมีนักการเมืองทั้งระดับชาติ และท้องถิ่นเข้าอบรมในหลักสูตรต่างๆ ของสถาบันนี้จนเป็นประเพณีปฏิบัติ แต่ต้องยอมรับว่า ไม่สามารถขัดเกลาพฤติกรรมการทุจริต คดโกงลงได้ เหมือนที่มีการเปรียบไว้ว่า ม.ฮาร์วาร์ด ผลิตนักวิชาการชั้นนำของโลกมากที่สุด แต่ผู้ที่จบจาก ม.ฮาร์วาร์ด ก็สร้างวิกฤตในโลกมากพอๆ กัน จึงขอให้พึงตระหนักไว้ด้วย และขอฝากคำพูดของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่เคยกล่าวไว้ว่า นักการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่เคยลงหาเสียงพบปะประชาชน ไม่รู้จักธาตุแท้ของนักการเมือง คนเหล่านี้ไม่สามารถพัฒนาประชาธิปไตยที่แท้จริงได้” นายนิพิฏฐ์ กล่าว