เดินเครื่อง-วัดฝีมือคนกันเอง !!

เกาะกระแส


00 ทยอยแต่งตั้งโยกย้ายในตำแหน่งต่างๆตามกันมาทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำสำคัญในกระทรวงต่างๆ รวมไปถึงการแบ่งงานกันรับผิดชอบกำกับดูแลทั้งในส่วนของรองนายกฯลงมาจนถึงระดับรัฐมนตรีช่วยฯ เอาเป็นว่านับจากนี้ไปถือว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้าได้เต็มกำลัง เพราะมีองค์ประกอบพร้อมทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

00 งานนี้ออกมาแบบไม่มีใครขัดคอ ไม่มีเสียงวิจารณ์ออกมาให้รำคาญกับการแต่งตั้งตัวบุคคลในตำแหน่งต่างๆ เพราะไหนก็ไหนๆเมื่อให้โอกาสกันแล้วก็ต้องแบบ"สุดๆ"กันไปเลยจะได้ไม่ต้องมาอ้างทีหลังว่าเป็นเพราะติดขัดโน่นนี่นั่น สำเร็จก็รับไปเลยดอกไม้ช่อใหญ่ แต่ถ้าล้มเหลวโล่ยโท่ยก็อย่ามาแก้ตัวให้เสียเวลา และนับจากนี้ไปทั้ง คสช.ที่เข้าสู่เดือนที่ 4 รัฐบาลรับไม้ต่อและเดินเครื่องเต็มกำลังแบบไม่มีสะดุดก็ต้องเห็นหน้าเห็นหลังแล้ว เพราะจะว่าไปแล้วทั้ง คสช.ในรูปแบบก็คือรัฐบาล"เบ็ดเสร็จ"นั่นแหละ ตัวบุคคลผู้นำก็ล้วนคนเดียวกันคณะเดียวกัน หากนับรวมๆ"รัฐบาลประยุทธ์"ก็มีอายุเกือบ 4 เดือนเข้าไปแล้ว คำถามก็คือเริ่มมีแนวโน้มเป็นอย่างสัญญาเอาไว้บ้างหรือไม่ อยากให้ชาวบ้านตอบตามความจริงแล้วกัน !!

00 พูดถึงการแบ่งงาน รมต.เที่ยวนี้ถือว่าทำได้ชัดเจนตรงตามความถนัดต่อเนื่องจากไม่ต้องรอศึกษางาน เริ่มจากรองนายกฯด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ชัดเจนแล้วว่าดูแลกองทัพ กอ.รมน.ตำรวจ สมช. ศอ.บต.งานมหาดไทย สรุปว่างานด้านความมั่นคงภายในทั้งหมดอยู่ในมือ "พี่ใหญ่"คนนี้ทั้งหมด ซึ่งก็ไม่ต่างจากงานที่เคยดูแลเมื่อครั้งเป็นรมว.กลาโหมในยุครัฐบาล อภสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพียงแต่คราวนี้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดกว่าเดิมเท่านั้นเอง

00 การทำงานก็ล้วนประสานกับคนกันเองทั้งสิ้น เช่น มหาดไทยก็มี"น้องรอง"พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งว่าการอยู่ ส่วน รมช.กลาโหม ก็มีน้องนุชสุดท้อง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ช่วยประสานในกองทัพให้อีกแรงในฐานะว่าที่ ผบ.ทบ.ในอนาคต ขณะเดียวกันล่าสุดเพิ่งรับตำแหน่งรองหัวหน้า คสช.หมาดๆเข้าไปอีก นาทีนี้ถือว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นบุรุษที่ทรงอำนาจและอิทธิพลหมายเลข 2 เลยทีเดียว!!

00 อีกตำแหน่งหนึ่งที่ต้องจับตาก็คือ เลขาธิการนายกฯ ที่แต่งตั้ง พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯมานั่งเก้าอี้สำคัญ เพราะบทบาทถ้าแสดงได้ถึงก็คือ "นายกฯน้อย"นั่นเอง จึงต้องได้คนที่ไว้ใจได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำงานทั้งหน้าฉากหลังฉากมาตั้งแต่สมัยอยู่ในกองทัพบกต่อเนื่องมาถึงยุค คสช.และรัฐบาล พล.อ.วิลาศ ก็เป็นเงาตามตัวไม่เคยห่าง

00 ดูแนวโน้มแล้วการยกเลิกกฎอัยการศึก คงต้องรออีกนาน ล่าสุดยังมีคำยืนยันออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า"ยังไม่เลิกกฎอัยการศึก" พิจารณาจากท่าทีแล้วคง"ลากยาว"แน่ เพราะเขาให้เหตุผลว่ายึดความมั่นคงมาก่อน พร้อมทั้งเตรียมตั้งกองทุนจำนวน 200 ล้านบาทเพื่อรองรับและชดเชยกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวแล้วประสบเหตุ เพื่อแก้ปัญหาบางบริษัทไม่รับประกันภัยกับการเดินทางเข้ามาในประเทศที่ประกาศ"กฎหมายพิเศษ"ดังกล่าว !!

00 แม้จะพยายามหลีกเลี่ยงให้ความเห็นกรณี ทักษิณ ชินวัตร แบบระมัดระวัง เช่น เมื่อถูกสื่อถามนำว่า"ต้องการให้ทักษิณกลับมาสู้คดีตามกม.หรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับตอบว่าไม่รู้ไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ใครทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็บอกว่าติดตามทุกพวก ทุกกลุ่ม สรุปเอาเป็นว่ากังติดตามก็แล้วกัน แต่ก็ยังงงไม่หายว่าทำไมถึงไม่พูดให้ชัดไปเลยว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ทำผิดก็ต้องรับโทษ ไม่เลือกปฏิบัติแค่นี้ก็จบ ทำไมต้องพูดอ้อมแอ้ม

00 สำหรับการพูดคุยเพื่อสร้างสันติสุขชายแดนใต้ต้องเดินหน้าต่อ และคราวนี้ยังเป็นบทบาทของ เลขาฯสมช.ทำหน้าที่ประสานงานกับฝ่ายมาเลย์เช่นเดิม และคนที่รับไม้ต่อจาก ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯสมช.ที่กำลังเกษียณฯในอีกไม่กี่วันก็คือ อนุสิษฐ คุณากร รองเลขาฯสมช.จะขึ้นมาแทน และน่าจับตาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมเดินทางไปเยือนมาเลย์เป็นลำดับถัดไปต่อจากพม่าในฐานะประธานอาเซียน ก็ถือว่าให้ความสำคัญเพื่อนบ้านในระดับภูมิภาคมาก่อน ท่าทีล่าสุดก็คือจะไม่ยอมให้ปัญหาชายแดนใต้ยกระดับเป็นเรื่องของนานาชาติ ย้ำว่าเป็น"เรื่องภายใน"ก็ถูกต้องแล้ว !!