xs
xsm
sm
md
lg

“ไมค์แพง” ต้องรีบเคลียร์ ก่อนเป็นตราบาป ครม.ใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รายงานการเมือง

ฤกษ์งามยามดี 9 ก.ย. จะเป็นวันแรกที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย จะนำ 33 เสนาบดี “ครม.ประยุทธ์ 1” เข้าประเดิมประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ที่ทำเนียบรัฐบาล แม้จะพยายามอ้างว่า ยังไม่ใช่การประชุมอย่างเป็นทางการก็ตาม

ไม่รู้แน่ว่าเป็นความตั้งใจเลือกวันที่ 9 เดือน 9 เป็นฤกษ์ดีเสริมดวงมงคลตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ หรือเป็นความบังเอิญประจวบเหมาะที่เป็นวันอังคาร ซึ่งใช้เป็นวันประชุม ครม. ตามปกติที่ผ่านมาแทบทุกชุด

ฤกษ์ดี - เลขมงคลแค่ไหน ถึงเวลาจริงคงไม่เกี่ยวกัน อยู่ที่ฝีไม้ลายมือในการบริหารประเทศมากกว่า

ส่วนจะก้าวหน้า - ก้าวหลัง ถามตอนนี้คงฟันธงยาก

ก่อนการเข้ามาทำงานของรัฐบาล คสช. ก็มีการอนุมัติงบประมาณก้อนใหญ่ราว 252 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงปรับทัศนียภาพ และอาคารสถานที่ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยมีการอธิบายกันปากเปียกปากแฉะว่า ไม่ได้ต้องการบูรณะ - รีโนเวตเพื่อต้อนรับ “นายกฯ ประยุทธ์” อย่างที่เข้าใจกัน แต่เป็นแผนงานเดิมที่ตั้งงบประมาณไว้อยู่แล้ว

และดูท่าการประเดิมเปิดหัว “ครม.ประยุทธ์ 1” ดูจะไม่สวยสดงดงามเท่าที่ควร เมื่อเกิดเรื่องไม่ใช่เรื่องมาต้อนรับแบบไม่พึงประสงค์ กับการใช้งบประมาณในการปรับปรุงพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล แม้ว่าจะมีการเบิกใช้งบประมาณน้อยกว่าที่ตั้งไว้ก็จริง แต่กลับเกิดกรณี “ไมค์แพง” สนนราคาตกตัวละ 145,000 บาท ที่โผล่ไปอยู่ในห้อง 501 ตึกบัญชาการ 1 ที่มีคำสั่งให้ใช้เป็นห้องประชุม ครม. ต่อจากนี้ไป จากเดิมที่ใช้ห้องประชุมใน “ตึกแดง” หรือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ

กลายเป็นขี้ปากชาวบ้านก่อน “นายกฯ ประยุทธ์” จะเข้ามาทำงานในทำเนียบไม่กี่วัน

ก่อนหน้านี้ “ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล” ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าของบ้าน ได้พาสื่อมวลชนออกทัวร์ชมความคืบหน้าการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะตึกบัญชาการ 1 และ 2 ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็จวนเจียนที่จะส่งมอบงานได้

ไฮไลต์สำคัญคือการโชว์ความอลังการของ “ห้องประชุม 501” ที่จะใช้สำหรับการประชุม ครม. ที่เฉพาะระบบเสียงและควบคุมการประชุมใช้งบประมาณไปราว 69 ล้านบาท วันนั้นยังมีการทดสอบระบบรักษาความปลอดภัยทางข้อมูลป้องกันการแฮกต่างๆ รวมทั้งชุดไมโครโฟนสุดไฮเทค มีการฮัลโหลๆ เทสให้สื่อฟังคุณภาพเสียงด้วย

ไม่วายบรรยายสรรพคุณว่าเป็นไมโครโฟนรุ่นเดียวกับที่ใช้ใน “ทำเนียบขาว” ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งเมืองมะกัน

แต่อาการทึ่งถึงความไฮเทคในห้อง 501 ของสื่อมวลชนหดหายไปในทันที กลายเป็นอาการอึ้งเมื่อรู้ถึงราคาค่างวดชุดไมโครโฟนตัวที่ว่า

พลันที่เป็นข่าวก็มี “นักสืบโซเชียล” ต่อยอดนำข้อมูลของบริษัทที่ขายอุปกรณ์ดังกล่าวมาเปิดเผยในสังคมออนไลน์ พร้อมระบุราคาเสร็จสรรพด้วยว่า “ราคาขายปลีก” ตกชุดละ 99,000 บาทเท่านั้น ขณะที่จัดซื้อมาติดตั้งในทำเนียบตั้งนับร้อยชุดกลับราคาพุ่งกระฉูดไปอีกครึ่งเท่าตัว

ร้อนถึง “หม่อมปนัดดา” ต้องออกมาชี้แจงเป็นการด่วนว่า ไม่ทราบในส่วนของราคา ยังไม่เห็นเอกสาร เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของ “กรมโยธาธิการและผังเมือง” ที่ดูแลในส่วนของการปรับปรุงตึกบัญชาการ 1 และ 2

งานนี้ “หม่อมปนัดดา” หนีไม่พ้นจะถูกมองไปอีกว่า โยนเผือกร้อนให้พ้นตัว

พอนักข่าวไปไถ่ถาม “มณฑล สุดประเสริฐ” อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เรื่องราวก็ยุ่งอีรุงตุงนังไปกันใหญ่ เมื่อออกมาระบุว่า เรื่องระบบเสียงและระบบควบคุมการประชุมได้ให้บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการปรับปรุง ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการลงนามในสัญญาใดๆ ส่วนเรื่องราคาก็เป็นการเสนอมาเบื้องต้นเท่านั้น

คำถามมีตามมาอีกเป็นกระบุงทันทีว่า ในเมื่อยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง แต่มีการติดตั้งเสร็จพร้อมใช้งาน หมายความว่าอย่างไร จะเป็นการ “มัดมือชก” ที่รัฐต้องยอมจ่ายในราคาที่เอกชนกำหนด จะบิดพลิ้วหรือต่อรองราคาไม่ได้อย่างนั้นหรือ

ที่สำคัญ การจัดซื้อจัดจ้างลักษณะที่ว่าก็ไม่น่าจะถูกต้องตาม “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ” ที่เป็นเหมือน “กฎเหล็ก” ของการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เพราะถึงจะอ้างว่าเป็น “งานด่วน” และเลือกใช้ “วิธีพิเศษ” โดยไม่ต้องมีการประมูลแข่งขันราคาก็จำเป็นต้องมีการตกลงราคาค่างวดให้เรียบร้อยก่อนอนุญาตให้เข้าดำเนินการได้

“ของมีเพียงเจ้าเดียว การจ้างจึงเป็นการจ้างเจ้าเดียว เราจึงไม่รู้หลักการตั้งราคาของผู้ขาย ส่วนที่มีข่าวว่าราคาไมค์แพงกว่าทั่วไปก็ต้องเรียนว่า ไมค์ตัวนี้ยังไม่มีที่ใดใช้ ตัวราคาก็ได้คุยกับบริษัท อัศวโสภณ ว่า เมื่อไมค์ตัวนี้เป็นของที่นำเข้าก็ให้ท่านตั้งราคา และส่งรายละเอียดในเรื่องของการเสียภาษีศุลกากรและภาษีนำเข้ามาว่าท่านจะตั้งราคาขายเท่าใด แล้วก็จะทำการเจรจาต่อรอง โดยมีกรอบว่าต้องจ้างในวงเงินที่เราได้รับการอนุมัติมา” ถ้อยคำของ “มณฑล” อธิบดีกรมโยธาฯที่ให้ไว้ในเรื่องนี้

มองทางไหนก็ดูจะไม่ชอบมาพากลเสียทั้งหมด ซ้ำร้ายยังกระทบความสง่างามและอาจกลายเป็นตราบาปของ “ครม.ประยุทธ์” อีกต่างหาก

ดูเหมือน “พล.อ.ประยุทธ์” เองก็รู้ทิศทางลม และไม่อยากแปดเปื้อนกับเรื่องที่กำลังส่งกลิ่นฉาวโฉ่ สั่งย้ายห้องประชุม ครม. ในวันที่ 9 ก.ย. อย่างกะทันหัน จากห้อง 501 ไปใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรีแทน โดยอ้างว่าห้อง 501 ยังปรับปรุงไม่เรียบร้อย ทั้งที่วันก่อนผู้เกี่ยวข้องการันตีว่าเสร็จทันแน่นอน

งานนี้คงไม่ใช่แค่เหม็นกลิ่นสีที่ทาใหม่เท่านั้นหรอกกระมัง

แน่นอนว่าในส่วนของกรมโยธาฯที่รับผิดชอบส่วนงานห้องประชุม 501 ต้องเร่งชี้แจงให้สังคมเกิดความกระจ่างในเร็ววัน อีกทาง “หม่อมปนัดดา” แม้จะไม่ได้ดูแลเป็นหลัก แต่ในฐานะ “เจ้าของบ้าน” ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่มีส่วนสำคัญในการไขปมปัญหาให้คลายสงสัย

ยิ่งด้วยภาพลักษณ์ที่ดีของตัว “หม่อมปนัดดา” ที่ได้สั่งสมมาตลอดชีวิตการรับราชการ และยังถูกมองว่าเป็น “มวยหลัก” ทั้งในฐานะปลัดสำนักนายกฯและ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็ไม่ควรออกลูกสะเปะสะปะปัดเรื่องให้พ้นตัวเพียงอย่างเดียว

ไม่ควรนำความดีที่ทำมาทั้งหมดมาทิ้งในครั้งนี้

อย่าลืมว่าเมื่อครั้งเข้ามารับตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯใหม่ “หม่อมปนัดดา” ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือยเหมือนเป็นเงินตัวเอง นั่งเฟิร์สคลาส - กินไวน์หรู จนเสื่อมเสียเกียรติภูมิสถาบันข้าราชการไทย วันนั้นเสียงเชียร์กระหึ่มประเทศเหมือนมีคนมาพูดแทนใจคนทั้งชาติ

มาวันนี้เกิดข้อสงสัยในการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักนายกฯที่ “หม่อมปนัดดา” ดูแลอยู่ ก็สมควรที่จะออกมาไขข้อเท็จจริงออกมา หากมีการใช้งบประมาณสิ้นเปลืองอย่างที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ก็ต้องรีบทบทวน อย่าปล่อยให่ซ้ำรอยกันกรณี “โคตรนาฬิกา” เรือนละ 75,000 บาท ของทางฝั่งรัฐสภา

แค่พลิกวิกฤตเป็นโอกาส “หม่อมปนัดดา” จะเป็นฮีโร่ในเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
กำลังโหลดความคิดเห็น