ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี สั่งกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเพิ่ม อ้างไปเมืองนอกเห็นเขายกระดับมากขึ้น ปัดโยงจะมีการก่อเหตุร้าย พร้อมดีเดย์ 4 มี.ค. ปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดภายใน 2 เดือน
วันนี้ (1 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวว่าจากเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี และ ครม. พบว่า วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป มีการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น เพราะว่าปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องการเกิดเหตุร้ายมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเนียบรัฐบาล เดิมที่อาจคำนึงถึงความสะดวกของผู้ที่เข้ามาในทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ประชาชนที่มายื่นเรื่องร้องเรียน หรือแม้กระทั่งสื่อมวลชน จากนี้ ควรจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเช่นเดียวกัน
ฉะนั้น พล.อ.ประวิตร จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปกำหนดกฎ กติกา เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถือเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการบริหารประเทศให้มีความเข้มงวดมากขึ้น ก่อให้เกิดความมั่นใจในการรักษาความปลอดภัย เพราะว่าศูนย์อำนวยการและสั่งการที่สำคัญที่สุดของประเทศอยู่ที่นี้ ถ้ามีความละหลวม วันข้างหน้าอาจจะมีความไม่ปลอดภัยที่จะเกิดขึ้น จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น หน่วยงานทุกระดับมีมาตรการที่ตอบสนองกับการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ความสะดวกของทุกคนอาจจะลดลงบ้าง
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า แต่เชื่อว่าทุกคนที่รับทราบมาตรการเหล่านี้จะยอมรับได้ เพราะเป็นการสร้างกติการ่วมกัน ไม่ใช่กระทบแค่ผู้สื่อข่าว ทุกระดับก็ต้องได้รับผลกระทบหมด แต่จะทำให้มาตรการรักษาความปลอดภัยดีขึ้น และจะเป็นต้นแบบรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานรัฐทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะโยงไปว่าจะมีการก่อเหตุร้าย แต่เป็นเพียงการเตรียมการเอาไว้ก่อน เพื่อความเป็นมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ในแง่การข่าวด้านความมั่นคงขณะนี้ ไม่ได้มีรายงานสถานการณ์ที่ไม่ได้วางไว้ใจแต่อย่างไร
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้ภายใน 6 เดือน ปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และวันที่ 4 มี.ค. นี้ จะครบ 4 เดือน หลังจากนายกฯ สั่งการ ได้รวบรวมข้อมูลผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศครบแล้ว และวันที่ 4 มี.ค. จะเริ่มดำเนินการจับกุมกวาดล้างผู้มีอิทธิพล เพื่อเป็นการจัดระเบียบสังคมไทย จากที่เคยทำมาโดยตลอด แต่ช่วงระยะเวลาหลัง ๆ เราอาจจะใช้ความสำคัญกับการบริหารราชการแผ่นดิน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อาจทำให้ความสนใจของสังคม มองเหมือนกับว่า เรื่องนี้ถูกดำเนินการลดน้อยลงในการปฏิบัติ แต่ความจริงไม่ใช่ แต่ยังคงดำเนินการอยู่ ตามที่นายกฯ สั่งการเพิ่มเติม ซึ่ง 2 เดือนจากนี้ จะจับกุมกวาดล้างทุกพื้นที่ โดยฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง บูรณาการทำงานร่วมกัน