เลขาฯคสช. กำชับคุมเข้มลักลอบนำสินค้าเกษตรประเทศเพื่อนบ้านเข้าไทย พร้อมสั่ง กกล.รส.สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายรถขนอ้อยเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน ขณะเดียวกันเอาจริงการจัดระเบียบสังคม ใครฝ่าฝืนปรับสูงสุด 5 หมื่น ถูกดำเนินคดี กระตุ้นใช้กลไกศูนย์ดำรงธรรมช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน
ที่กองบัญชาการกองทัพบก วันนี้ (15 ก.พ.) พล.อ. ธีรชัย นาควานิช เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมสำนักงานเลขาธิการ คสช. โดยได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนงานที่เร่งรัดดำเนินงานในทุกด้านอย่างเรียบร้อย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สั่งการให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และ กองกำลังป้องกันชายแดน เข้มงวดในมาตรการป้องกันมิให้มีการลักลอบนำเอาพืชผลทางการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านออกนอกพื้นที่ชายแดน หรือนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต โดยให้ปฏิบัติควบคู่ไปกับภารกิจสกัดกั้นการลักลอบนำพืชผลทางการเกษตรที่ผิดกฎหมายที่มักจะลักลอบเข้ามาทางช่องทางตามธรรมชาติในพื้นที่ชายแดนอีกด้วย ที่สำคัญให้มีการประสานข้อมูลกับกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องโควตาการนำเข้า เพื่อให้สอดคล้องกันกับการปฏิบัติในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม การเข้มงวดในการดูแลผลิตผลทางการเกษตรที่นำเข้ามาในประเทศ ก็เพื่อรักษาสิทธิ์ของเกษตรกรไทยและป้องกันมิให้มีผลกระทบต่อราคาพืชผลในประเทศ อาทิ มันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าว เป็นต้น
นอกจากนี้ เลขาธิการคสช. ได้สั่งการให้ กกล.รส.สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายในการจัดระเบียบการจราจรและการขนส่งสินค้าและผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะการขนส่งต้นอ้อยจากพื้นที่ปลูกไปยังโรงงานผลิตน้ำตาล ซึ่งบางพื้นที่มีการบรรทุกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และการผูกรัดตรึงไม่เรียบร้อย สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยให้กกล.รส.ประสานความร่วมมือกับสำนักงานขนส่งจังหวัด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด, ผู้ประกอบการโรงงานผลิตน้ำตาลเกษตรกร และตำรวจ เข้มงวดในมาตรการและแนวทางการปฏิบัติที่มีอยู่แล้วในทุกพื้นที่ เช่น การควบคุมความสูงของรถบรรทุกอ้อย, การติดสัญลักษณ์ไฟสัญญาณ, การทำประกันภัยประเภทอุบัติเหตุสำหรับรถบรรทุกอ้อยทุกคัน ,การตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งาน ,การขอความร่วมมืองดรับซื้ออ้อยเข้าสู่โรงงานในเทศกาลสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางสัญจรที่คับคั่งโดยการจัดระเบียบรถขนส่งอ้อยดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการนำร่องแล้วในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 จ.สุโขทัย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เลขาธิการ คสช. ได้สั่งการให้ กกล.รส. ทุกกองทัพภาค เริ่มจัดระเบียบทันที เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทาง ซึ่งครอบคลุมการขนส่งสินค้าทางการเกษตรชนิดอื่นๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ด้วย
สำหรับความต่อเนื่องในเรื่องการจัดระเบียบสังคม กกล.รส. ได้ดำเนินการในหลายมิติ ล่าสุดในพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กทม. จากการหารือร่วมกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เห็นชอบในการบังคับใช้กฎหมายสูงสุดต่อผู้กระทำผิดคือ ปรับ 50,000 บาท ยกเลิกสัญญา ดำเนินคดีตามความผิด
นอกจากนี้ จากการที่รัฐบาลมอบให้ คสช.ช่วยสนับสนุนโครงการพัฒนาแฟลตดินแดง กทม. ซึ่งขณะนี้ กกล.รส.กองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ารับฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้พักอาศัย และการตรวจสอบข้อจำกัดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่ง เลขาธิการ คสช. ได้กำชับให้ ตรวจสอบทุกสภาพปัญหาที่มีผลกระทบต่อโครงการ พร้อมเร่งรัดให้เป็นไปตามแผนงานที่รัฐบาลกำหนด ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน
ส่วนเรื่องการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรนั้น ให้มีการหารือร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชนผู้รับซื้อยางและเกษตรกร ถึงปัญหาและรวบรวมข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น เพื่อนำเสนอรัฐบาลนำไปสู่การปรับปรุงโครงการ ให้เป็นไปตามกลไกและความต้องการของเกษตร อาทิ ปริมาณหรือข้อจำกัดของการรับซื้อ
เลขาธิการ คสช. ยังคงห่วงใยและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยย้ำถึงการใช้กลไกศูนย์ดำรงธรรมในการแก้ปัญหาในทุกเรื่องในทุกพื้นที่ ด้วยวิธีการลงไปสืบค้นปัญหาควบคู่ไปกับการรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน ที่ผ่านมาปัญหาที่ได้รับการแก้ไขส่วนใหญ่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล