หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช. รับ “ประยุทธ์” ปรารภผ่อนคลายกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ สั่ง ผบ.กองกำลังต่างๆ ประเมินความเหมาะสม โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว พอใจผลปราบยาเสพติดจับนักค้ารายใหญ่
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (คสช.) รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการผ่อนคลายกฎอัยการศึกว่า ยังไม่มีการประชุมในเรื่องนี้ เป็นเพียงการปรารภของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะมีแนวทางใดผ่อนคลายกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมากฎอัยการศึกในทุกวันนี้ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ประชาชนและสังคมไทย แต่ยอมรับว่ากฎอัยการศึกส่งผลต่อภาพรวมในสายตาของต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ชี้แจงอยู่
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า กฎอัยการศึกที่มีอยู่เป็นการนำมาใช้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ประชาชนและบ้านเมือง เพราะทหารไม่มีกฎหมายใดที่นำมาใช้ได้นอกจากกฎอัยการศึก จะเห็นได้จากการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด การจัดระเบียบสังคม เมื่อนำกฎอัยการศึกไปใช้ก็เห็นภาพการแก้ปัญหาได้ทันที ส่วนภาพในแง่ลบต่อการท่องเที่ยวนั้นเชื่อว่าเป็นเรื่องของการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ เพราะในสภาพความจริงกฎอัยการศึกไม่ได้มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวและประชาชนไทย และในการสำรวจสอบถามนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยก็พึงพอใจและเข้าใจสภาพในไทย ทั้งนี้จะมีการมอบให้ ผบ.กองกำลังต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ประเมินความเหมาะสม ว่าจะสามารถผ่อนปรนในบางพื้นที่ได้หรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว
พล.อ.ไพบูลย์ยังกล่าวถึงสถานการณ์ยาเสพติดว่า พอใจกับการบูรณาการของทุกหน่วยงานในการแก้ปัญหา โดยการจับกุมระยะหลังเป็นการจับกุมนักค้ารายใหญ่ไม่ใช่เพียงจับรายย่อย เป็นผลมาจากการบูรณาการงานการข่าว โดยที่ผ่านมาได้ประสานกระทรวงมหาดไทยเข้าเอกซเรย์พื้นที่ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ โดยใช้กำนัน และผู้ใหญ่บ้านแจ้งเบาะแส คาดว่าจะทำให้ได้ข้อมูลว่ายังมีหมู่บ้านใดบ้างที่มีปัญหายาเสพติด
อย่างไรก็ตาม งานในการป้องกันและปราบปรามต้องเดินคู่ขนาน ดังนั้นจึงมีแผนที่จะประมวลข้อมูลทั้งหมด เช่น หมู่บ้านที่ได้รับเงินกองทุนแม่ เงินกองทุนทูบีนัมเบอร์วัน รวมถึงเงินช่วยเหลือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกระทรวงสาธารณสุข ว่าหลังได้รับเงินช่วยเหลืออุดหนุนยังมีการจับกุมยาเสพติดในหมู่บ้านหรือไม่ และมีการจับกุมมากน้อยเพียงใด เพื่อนำไปจัดระบบงานในด้านปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด หากตำรวจทำงานอย่างเข้มงวดคู่ขนานกับกระทรวงมหาดไทย รวมถึงการกวาดล้างยาเสพติดในเรือนจำ ซึ่งตนจะเข้ามารับผิดชอบเต็มตัวในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็จะทำให้ปัญหายาเสพติดเบาบางไปได้มาก
นอกจากนี้ ได้ประสานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้ตำรวจพื้นที่เข้มงวดในการปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่รัฐต้องไม่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเสียเอง ซึ่งไม่ได้หมายถึงตำรวจเท่านั้น แต่หมายถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกส่วน