“ประยุทธ์” แจงข้อ 16 ครม.ส่งถึง กรธ. แบไต๋ต้องมีกลไกช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ยัดเงื่อนไข รบ.ใหม่เดินตามยุทธศาสตร์ชาติ คู่ขนานนโยบายพรรค อ้างเพื่อความมั่นใจ ไม่ถูกด่าไล่หลังทำไม่เสร็จ บอก สถานการณ์ปกติค่อยกลับมาเหมือนเดิม ชี้จริงใจใส่ในบทเฉพาะกาล เพราะแก้กลับง่ายกว่า ย้ำ “ทักษิณ” พูดด้วย กม. ยังเข้มสื่อให้ถามเพียง 4 ข้อและแสดงตัวต้นสังกัดก่อนถาม
วันนี้ (23 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงความชัดเจนต่อข้อเสนอปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาลไปยังกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะข้อที่ระบุว่าต้องการให้รัฐธรรมนูญบังคับใช้เป็นสองช่วงว่า ถ้าใช้คำพูดว่าเป็นขยักอาจจะผิด อาจจะทำให้งง ไม่ใช่มีรัฐธรรมนูญสองฉบับ รัฐธรรมนูญก็คือรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดคือรัฐธรรมนูญทั้งฉบับสองร้อยกว่ามาตรา ความหมายตรงนี้คือบทเฉพาะกาล คือถ้าทุกคนคิดว่าจะต้องมีการปฏิรูปในช่วงระยะเวลาแรกที่เปลี่ยนผ่าน มันควรจะต้องมีระยะเวลาหรือไม่ บทนั้นบทนี้ยกเว้นเป็นกาลชั่วคราวได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดการปฏิรูป ไม่อย่างนั้นก็ทำไม่ได้หมด เพราะในรัฐธรรมนูญก็ต้องพูดถึงกระบวนการทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา แล้วมันก็เกิดปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ฉะนั้นในช่วงแรกจะสร้างความเข้าใจว่าวาระประเทศชาติจะมั่นคงแข็งแรงภายในรัฐบาลหน้า โดยช่วงนี้ก็ต้องมีการปรับวิธีการบริหารราชการสักหน่อย แต่ไม่ได้ปรับทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เรื่องของ ส.ว.จำเป็นหรือไม่ เพื่อให้เกิดการคานอำนาจในช่วงนี้ เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ใช่เขียนไว้ชัดเจน ว่าต้องทำนู่นทำนี่ 6 ยุทธศาสตร์ มีทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มันสั่งไม่ได้อันนี้เป็นกรอบงานกว้างๆ ส่วนการจะไปทำอย่างไร เพื่อให้ลงไปสู่วิธีการปฏิบัติ โดยเฉพาะการไปอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี มันก็มีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ทำตามนั้นกัน ต่อไปเป็นเรื่องแผนการปฏิรูป 5 ปี ก็ไม่ได้เขียนว่าจะต้องทำนั่นทำนี่
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เรามองระยะยาวให้ 20 ปี แผนปฏิรูปครั้งละ 5 ปี แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า จะทำอย่างไรก็ทำไป แต่ต้องทำตามนี้ด้วยส่วนหนึ่ง นอกจากนโยบายพรรค เพราะบางทีไม่มีไกด์ตรงนี้ ก็เดินไปซ้ายขวา แล้วแต่สถานการณ์ทางการเมือง และการต่อสู้ทางการเมืองก็วุ่นไปหมด ฉะนั้นถ้าเขาเดินสองทาง เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าขณะเดียวกัน เส้นของการเมืองก็เดินคู่ขนานกันไป แต่ถามว่ามันต้องมีมาตรการอะไรหรือไม่ มันก็ต้องมีและต้องมีอะไรสักอย่างเพื่อที่จะควบคุมให้ตรงนั้นเป็นไปตามนี้ ซึ่งก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคณะอะไรขึ้นมาใหม่หรือจะเป็น ส.ว. หรือใครก็แล้วแต่ ซึ่งทั้งหมดนี้คือกลไก ที่จะประเมินเท่านั้นเอง ถ้ามันไม่ได้ขึ้นมาทั้งสองสภาก็คุยกัน จะเป็นไปได้หรือไม่โดยการเปิดอภิปรายกันได้หรือไม่ว่าทำไมรัฐบาลไม่ทำนี่ทำนู่น แล้วจะแก้ไขกันอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่จะต้องตกลงกัน ถ้าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ต้องมีคนตัดสิน จะไปศาลรัฐธรรมนูญได้หรือเปล่า ตนก็ไม่รู้ เข้าใจหรือยัง
“มันไม่ใช่สองขยักสามขยักหรอก ขยักเดียวนั่นแหละ เพียงแต่ช่วงนี้จะยกเว้นบางส่วนก่อนได้หรือไม่ เมื่อถึงเวลาสถานการณ์ปกติก็กลับมาทั้งหมดจะกลับเข้าที่เดิมหมด ส.ว.ก็เลือกตั้งใหม่ทั้งหมดก็ได้ เพียงแต่รัฐบาลหน้ามันต้องเกิดความมั่นใจให้เรา ไม่ใช่เพื่อผม แต่เพื่อท่านทุกคนเข้าใจหรือยัง” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าหลังการเลือกตั้งรัฐบาลนี้จะยังอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลังเลือกตั้งตนจะอยู่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่จะต้องไปพิจารณามา คิดว่าทำไว้ให้เยอะแล้ว ไปคิดกันมาบ้าง ช่วงเปลี่ยนผ่านก็ภายใน 5 ปี ถ้ามันดีขึ้นทุกปีๆ ก็ผ่อนผันลดลงไป เข้ากลไกปกติ ทำไปตามที่เราวางไว้ไม่เห็นจะยาก ถ้ามันดี และถ้าเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลจะง่ายกว่าตรงที่จะกลับมาเป็นปกติ เมื่อสถานการณ์พร้อม แต่ถ้าใส่ในรัฐธรรมนูญก็ลำบาก นี่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของตนไง
เมื่อถามว่าขอความชัดเจนว่าในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 4-5 ปีนั้น หมายถึง คสช.จะยังอยู่ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนจะอยู่ไปทำไม แต่เขาจะมีวิธีการอื่น แต่หากอยู่ด้วยกลไกปกติก็อยู่ไป ตนถึงได้บอกว่าจะมีคณะ จะไม่มี หรือจะมีวิธีการไหนก็ไปว่ามา
“ไม่ใช่ว่าผมจะต้องอยู่หรือไม่อยู่ ไม่ต้องมายุ่งสนใจกับผมมากนัก ผมมีหน้าที่ทำให้บ้านเมืองสงบ เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ท่านก็คิดกันต่อสิจะเอาอย่างไร และท่านอย่ามาโทษผมว่าทำไม่เรียบร้อยไม่สำเร็จ อย่ามาโทษผมแบบนั้น ท่านอยากให้เป็นอย่างไร อยู่ที่ท่านกำหนดของท่านเองทั้งนั้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศว่า “ผมไม่ได้มองจุดประสงค์อะไร มองทำไม” เมื่อถามย้ำว่าแล้วจะมีการเจรจาต่อรองอะไรกับนายทักษิณหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ก็เขาพูดไปแล้วนี่ กฎหมาย พูดด้วยกฎหมาย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังการประชุม ครม.ในวันที่ 23 ก.พ. ได้ใช้เวลาเพียง 10 นาที และให้สื่อมวลชนได้ถามได้เพียง 4 ข้อ โดยไม่รวมการชี้แจงรายละเอียดการประชุม ครม. ทั้งนี้ ระหว่างการตอบข้อซักถาม พล.อ.ประยุทธ์จะเตือนว่าผ่านไปกี่คำถามแล้ว และการให้สัมภาษณ์ก็ไม่มีทีท่าผ่อนคลายเหมือนที่ผ่านมา และสถิติในการแถลงข่าวภายหลังการประชุม ครม.ที่ผ่านมาจะใช้เวลาค่อนข้างมาไม่ต่ำกว่า 40 นาที
อย่างไรก็ตาม หลัง พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงจบใน 4 ข้อคำถาม ได้กล่าวสวัสดีและขอบคุณก่อนจะเดินไปยังตึกไทยคู่ฟ้าทันที ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอร้องสื่อมวลชนอีกครั้ง โดยย้ำว่าในการตั้งคำถามต่อนายกรัฐมนตรีขอร้องให้แจ้งชื่อและสังกัดให้ชัดเจนผ่านไมโครโฟนตามข้อตกลงที่ได้แจ้งไว้ ไม่เช่นนั้นคนที่เป็นโฆษกฯ อย่างตนก็จะถูกหาว่าเยอะ จึงขอให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน