นายกรัฐมนตรีมามาดใหม่ไม่แจงสื่อ บอกแค่สวัสดีวันอังคารนะจ๊ะ โยนรองนายกฯ-โฆษกรัฐบาลแจง ขอถามสร้างสรรค์ อย่าให้ทุกอย่างขัดแย้งกันชาติจะไปไม่ได้ ยันไม่เคยโกรธ ด้าน “วิษณุ” โซโลต่อ บอกโดนจัดเวรให้พูด เผยเจ้าตัวไม่ได้บอกเหตุผล แต่เชื่อคงอยากให้เจ้าของเรื่องลงรายละเอียด เพิ่มบทบาทมากขึ้น ระบุที่ประชุมให้รองนายกฯ รายงานงานตัวเอง พร้อมปิดท้ายด้วยข้อสั่งการที่ไม่มีเอกสาร เว้นแต่เรื่องสำคัญจะเป็นมติ ครม.
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.10 น. หลังเป็นประธานการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “สวัสดีวันอังคารนะจ๊ะ การประชุม ครม.วันนี้ก็มีหลายเรื่องที่เป็นสาระสำคัญ ผมเองก็มีความจำเป็นต้องไปทำงานเร่งด่วนเพื่อประเทศชาติต่อ และผมมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชี้แจง และขอความกรุณาว่าให้ถามในเรื่องที่สร้างสรรค์ ในเรื่องที่จะต้องรับรู้ทั่วกัน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปต่างๆ อย่าให้ทุกอย่างขัดแย้งกันตอนนี้มันจะลำบาก บ้านเมืองจะไปไม่ได้ ผมไม่เคยโกรธใครอยู่แล้ว โอเคนะครับ สวัสดีครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์พูดจบก็ได้เดินผละออกจากโพเดียมการแถลงข่าวทันที โดยเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามในประเด็นข่าวต่างๆ โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจยุบพนักงานสอบสวน พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยทำสัญลักษณ์โบกมือ พร้อมกล่าวย้ำว่า “ไม่รู้ๆ”
จากนั้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงต่อทันทีว่า นายกรัฐมนตรีจัดเวรใหม่ในการแถลงข่าวหลังการประชุม ครม. โดยเมื่อนายกรัฐมนนตรีแถลงข่าวระยะหนึ่งแล้วก็จะมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแถลงหรือชี้แจง หรือให้สัมภาษณ์ โดยวันเดียวกันนี้ (9 ก.พ.) เป็นหน้าที่ของตนเวรแรก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเหตุผลหรือไม่ว่าทำไมต่อจากนี้จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมาแถลงภายหลังการประชุม ครม. นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้มีการบอกถึงเหตุผล แต่เดาได้ว่าส่วนหนึ่งเรื่องใดที่จะต้องลงในรายละเอียดและให้ได้ประโยชน์เต็มที่แก่ผู้ชม ผู้ฟังและผู้อ่าน บางเรื่องจึงจำเป็นต้องให้เจ้าของเรื่องมาพูด เพราะนายกรัฐมนตรีจะพูดได้ก็เฉพาะเรื่องกว้างๆ ทั่วไป เชื่อว่าเป็นความในใจของนายกรัฐมนตรี และไม่ใช่มอบแค่เฉพาะรองนายกรัฐมนตรีเท่านั้น รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง อาทิ รมว.คลัง เกษตรฯ ยุติธรรม ก็ต้องมาทำหน้าที่ถ้าวันหนึ่งน้ำหนักบรรยากาศของสังคมเวลานั้นอยากฟังเรื่องอะไร
“ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านายกรัฐมนตรีพยายามเพิ่มบทบาทของรองนายกฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมากขึ้น เช่น ในคำสั่ง คสช.ที่เกี่ยวกับการประเมินข้าราชการก็เป็นครั้งแรกที่เขียนว่าให้รองนายกฯ ที่คุมเขต และกระทรวงมีโอกาสลงมาประเมินอธิบดีและผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งปกติควรเป็นผู้บังคับบัญชาตรง เนื่องจากรองนายกฯ และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ คุมเขตก็จะบอกละเอียดว่ารองนายกฯและรัฐมนตรีคนไหนคุมกระทรวงและจังหวัดใด เป็นสายความรับผิดชอบและเป็นผู้ประเมินให้คะแนน ส่วนผู้ว่าฯ อธิบดีจะอยู่หรือไปนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการประเมินตามสายงานปกติ อีกส่วนก็จะมาจากการประเมินของรองนายกฯที่ไปสัมผัสกับงานนั้นๆแต่อาจจะไม่มากเท่าไหร่ อีกส่วนหนึ่งก็จะมาจากประชาชนที่รับบริการ การที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้มาแถลงหรือชี้แจงเรื่องต่างๆ นั้นเป็นการเพิ่มบทบาทให้” นายวิษณุกล่าว
รองนายกรัฐมตรีกล่าวว่า ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมาในที่ประชุม ครม.ได้มีการเปลี่ยนวิธีการใหม่อีกอย่าง คือ การประชุม ครม.จะเริ่มด้วยวาระการฉายวิดีโอของกระทรวงต่างๆ ที่ได้ไปทำงานมา จากนั้นก็เป็นวาระเพื่อทราบ ต่อด้วยวาระพิจารณา และหากเป็นการประชุม ครม.ในสมัยรัฐบาลอื่นก็จบแล้วปิดประชุมกลับบ้าน แต่ ครม.ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีได้ใช้ธรรมเนียมใหม่สมัยที่เป็นทหาร โดยเมื่อจบจากวาระการพิจารณาแล้วก็จะต่อด้วยวาระข้อสั่งการ คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเตรียมมาและต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปตามในเรื่องอะไร เมื่อจบวาระข้อสั่งการแล้วซึ่งบางครั้งมีมากกว่าวาระในแฟ้ม ครม.และเป็นเรื่องใหญ่เป็นมติ ครม.เกือบทั้งสิ้น หลังจากปีใหม่เป็นต้นมาหลังวาระข้อสั่งการแล้วก็มีการเพิ่มอีกวาระหนึ่งคือมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนรายงานความคืบหน้างานในหน้าที่ของตัวเองให้ทราบ ถ้าเรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญนายกรัฐมนตรีก็จะสั่งเป็นมติ ครม. ซึ่งวาระท้ายๆ ส่วนใหญ่จะไม่มีเอกสารหลักฐาน ผู้สื่อข่าวจะไม่มีวันรู้ว่าใครพูดอะไร อย่างไร ยกเว้นเมื่อมีการสั่งการให้เป็นมติ ครม.เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมวันนี้ก็ได้มีแจกแผนความเชื่อมโยงแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งเป็นการดำเนินการจากปัจจุบันไปจนถึงปี 2560 ด้วย