“มีชัย” หวังปฏิรูปไม่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แย้มหลักเกณฑ์พิจารณา สปช.

“มีชัย” คาดหวังปฏิรูปประเทศงวดนี้ไม่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เผยมูลนิธิฯ ส่ง “บวรศักดิ์” สมัคร สปช. เพราะมีความรู้ความสามารถ ด้าน “สุรชัย” แย้มหลักการด้านการเมือง เน้นมีประสบการณ์ตรง ขณะที่ “ปนัดดา” เผย 6 กรอบพิจารณาด้านอื่นๆ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวว่า กระบวนการสรรหา สปช.จะไม่มีการล็อกสเปกตามที่มีกระแสข่าว ส่วนที่พบว่าบุคคลที่สมัครเข้ารับการสรรหามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการสรรหาบางคนนั้น เบื้องต้นได้รับการยืนยันแล้วว่ากรรมการที่มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับผู้สมัครจะงดลงคะแนนเลือกในรายนั้นๆ เพื่อให้มีความโปร่งใส และยืนยันถึงหลักเกณฑ์การคัดสรรว่าจะยึดตามกรอบที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 กำหนดไว้ คือ คำนึงถึงความหลากหลายของภาคส่วนต่างๆ ความเท่าเทียมทางเพศ ผู้ด้อยโอกาส รวมถึงความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์

“หลังจากนี้ทางสำนักงาน กกต.จะพิจารณารายชื่อบุคคลที่สมัครเข้ารับการสรรหาเบื้องต้น ก่อนจัดส่งให้คณะกรรมการสรรหา เมื่อได้รับรายชื่อแล้ว กรรมการสรรหาแต่ละคนจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2-3 วัน ก่อนประชุมร่วมกันอีกครั้ง จนถึงขณะนี้กรรมการยังไม่เห็นรายชื่อบุคคลที่สมัคร ดังนั้นจึงตอบไม่ได้ว่าจะมีใครผ่านการคัดเลือกบ้าง ส่วนที่สื่อมวลชนนำรายชื่อบุคคลที่คาดว่าจะได้รับเลือก หรือโผ สปช. มาลงนั้นเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่จะเป็นไปตามนั้นจริงหรือไม่ ผมไม่ทราบ ขอให้รอดู และที่พบว่าผู้เข้ารับการสรรหาเป็น สปช.มาจากทหารจำนวนมาก ผมมองว่าคนที่มาสมัครไม่สำคัญเท่ากับคนที่ได้รับคัดเลือก”

นายมีชัยกล่าวถึงกรณีที่มูลนิธิมีชัย-คุณหญิงอัมพร ฤชุพันธุ์ ส่งชื่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ด้านการเมืองว่า เป็นเพราะนายบวรศักดิ์เป็นคนเก่ง มีประสบการณ์จึงอยากให้เป็น สปช. แต่จะได้รับเลือกหรือไม่ ตนไม่ทราบ ส่วนที่มีข่าวระบุว่านายบวรศักดิ์ถูกวางตัวเป็นประธาน สปช.นั้น ตนไม่ทราบเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวคาดหวังกับการปฏิรูปประเทศอย่างไรบ้าง นายมีชัยกล่าวว่า อยากเห็นประเทศเดินหน้า การปฏิรูปรอบนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองที่สำคัญ ดังนั้นตนไม่อยากให้เป็นสภาพของการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 ในฐานะคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านการเมือง กล่าวว่า กระบวนการสรรหาจำเป็นต้องพิจารณาคัดเลือกจากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางการเมืองเป็นหลัก เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ที่ทราบจุดแข็งและจุดอ่อนของปัญหาการเมืองที่ผ่านมาโดยตรง หากได้เข้ามาทำหน้าที่ช่วยปฏิรูปการเมืองก็จะทำให้การเมืองมีความเข้มแข็งและมีคุณภาพ และจากการที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบนโยบายการสรรหา สปช.โดยระบุถึงกลไกการปกครองให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารแยกกันอย่างชัดเจนนั้น ส่วนตัวเคยดำรงตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติมาก่อน ยอมรับว่าทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารไม่เป็นอิสระต่อกัน โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มีส่วนคัดเลือกฝ่ายบริหารเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างที่มาของ ส.ส.และส.ว.นั้น ขึ้นอยู่กับสภาปฏิรูปว่าจะเป็นพิจารณาและหาทางออกร่วมกันอย่างไร

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านอื่นๆ เปิดเผยผลการประชุมกรรมการฯ นัดแรก ว่าได้มีการวางกรอบพิจารณาบุคคลโดยแยกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ 1. คุณธรรม จริยธรรม และศาสนา 2. ด้านระเบียบวินัย 3. ความสามัคคีปรองดอง 4. ด้านสังคม 5. การกีฬา และ 6. ศิลปวัฒนธรรม หลังจากนี้คาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้มีการประชุมของคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาและแยกผู้ที่เข้ารับการสรรหาในประเภทต่างๆ ที่กำหนดไว้ ทั้งนี้หากพบว่าผู้รับการสรรหาไม่ได้จัดอยู่ในประเภทใดๆ จะไม่ขอนำมาพิจารณา โดยหลักเกณฑ์การคัดเลือกเบื้องต้นจะเน้นด้านการสร้างความสามัคคีปรองดองเป็นพิเศษ