อดีต ส.ส.ปชป. ลุยตรวจสอบทุจริตในสภา หลังพบมีความไม่ขอบมาพากลหลายเรื่อง โดยเฉพาะการจัดสัมมนานอกสถานที่ใช้งบแพงกว่าปกติ 3-4 เท่า ยันที่ร้องเรียนไปยัง คสช.-ป.ป.ช.-สตง.นับสินเป็นเรื่องจริง แถมเชื่อมโยง “ขุนค้อน-นิคม”
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ แถลงขถึงความคืบหน้า ในการตรวจสอบการทุจริตในรัฐสภา ว่า ในช่วงรอยต่อจากสภาปกติ ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้น จากการติดตามการทุจริตในสภาล่าสุด ก็พบว่า ยังมีข้าราชการบางส่วนได้อาศัยช่องว่างเข้าไปหากิน และทุจริตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด มีการเปิดเผยว่ามีการทุจริตในการจัดการสัมมนานอกสถานที่ โดยมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าความเป็นจริง
โดยสมัยที่ นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย ยังเป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอยู่นั้น มีการจัดสัมมนาในลักษณะนี้บ่อยครั้ง ตนเห็นว่าบางเรื่องควรจัดได้ภายในรัฐสภา เพราะห้องว่าจำนวนมาก ที่ผ่านมา ได้มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติว่า หากเรื่องใดให้จัดสัมมนาในห้องที่รัฐสภา ยกเว้นหากไม่มีห้อง จึงจะออกไปจัดนอกสถานที่ แต่เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการจัดสัมมนาในหัวข้อ เรื่องการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิเทศสัมพันธ์ ระหว่างหน่วยงาน : การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประจำปีงบประมาณ 2557 ที่โรงแรมพูลแมน และพบว่า มีค่าใช้จ่ายแพงกว่าปกติแพงกว่า 3-4 เท่า อีกทั้งพบว่า ในการสัมมนาครั้งนี้มีชื่อของ นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คนปัจจุบัน เข้าร่วมสัมมนาด้วย
นายวิลาศ กล่าวว่า ข้าราชการหลายคนในรัฐสภาที่เกี่ยวข้อง และมีเครือข่ายในการทำทุจริต ในวันนี้ยังพบว่า ยังมีความเป็นอยู่สุขสบาย เช่น บางคนใช้เฟซบุ๊ก ด่าทอบุคคลที่นำข้อมูลไปเปิดเผยว่า เป็นคนทำลายระบบรัฐสภา จึงเห็นควรให้ตั้งกรรมการสอบสวน และยังมีการว่ากล่าวอีกว่า ก่อนสอบสวนควรนำตัวมากระทืบ ตรงนี้ก็มีเอกสารหลักฐาน โดยเฉพาะข้อมูลหน้าเฟซบุ๊ก ซึ่งคนเหล่านี้ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนและผลักดันการปฏิบัติการ ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการรัฐสภาอีกด้วย
นายวิลาศ กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่า สิ่งที่ตนร้องเรียนในกรณีการทุจริตรัฐสภา ทั้งที่ร้องเรียนไปยัง คสช. ป.ป.ช.และ สตง.ในหลายสิบเรื่องนั้น ตนมั่นใจว่าทุกเรื่องมีการทุจริตอย่างแน่นอน โดยน่าจะมีการเชื่อมโยงไปถึง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตรองประธานรัฐสภา เพราะฉะนั้นการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) โดยให้ความสำคัญต่อการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องแรกๆ ที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนที่สุดใน 1 ปีนั้น ถือเป็นเรื่องดีที่นายกฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นคนเอาจริง และยุทธศาสตร์ของประเทศขณะนี้คือ ต้องเร่งปราบปรามการทุจริต ซึ่งส่วนตัวพร้อมให้ข้อมูลที่มีอยู่แก่รัฐบาล เพื่อที่จะจัดการให้ปัญหาทุจริตภายในประเทศลดลง
