นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เผยหลังให้ถ้อยคำศาลปกครอง ปมขอให้ระงับนายทุนจีนขุดเจาะปิโตรเลียมบุรีรัมย์ ชี้อีกฝ่ายส่งแค่ตัวแทนกรมเชื้อเพลิงเท่านั้น แนบหลักฐานใบแจ้งความหลังฝ่าฝืนระเบิดขุดเจาะหลุม เก็บตัวอย่างน้ำที่เชื่อว่าปนสารพิษอันตรายให้ศาลเป็นพยานวัตถุ นำรายชื่อชาวบ้านเพิ่ม เผยศาลให้โอกาสอีกฝ่ายยื่นชี้แจงภายใน 15 วัน
วันนี้ (21 ส.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยภายหลังการให้ถ้อยคำต่อตุลาการศาลปกครองในการไต่สวนกรณีที่สมาคมต่อสภาวะโลกร้อนฟ้องอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ รมว.พลังงาน และคณะกรรมการปิโตรเลียม ที่ปล่อยให้บริษัทเอกชนผู้ประกอบการด้านพลังงานประเทศจีน เข้าไปสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียมในพื้นที่หลายตำบลใน จ.บุรีรัมย์ โดยไม่ได้ปฏิบัติตามวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด ว่า หลังจากที่สมาคมฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา วันนี้ศาลปกครองได้นัดให้คู่กรณีมาไต่สวน เนื่องจากในคำร้องได้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา
โดยทางฝ่ายผู้ถูกร้องมีแต่ตัวแทนจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งตนได้แถลงข้อเท็จจริงว่าบริษัทเอกชนผู้รับสัมปทานได้บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ชาวบ้านเข้าไปทำการระเบิดหลุดขุดเจาะน้ำมันกว่า 500 หลุม โดยที่ไม่ได้รับการยินยอมจากชาวบ้านในพื้นที่แต่อย่างใด จึงถือว่าบริษัทดังกล่าวได้ละเมิดสิทธิ และไม่ดำเนินขั้นตอนตามกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
ทั้งนี้ หลังจากที่ตนยื่นฟ้อง ทางอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ว่า ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่และบริษัทที่เกี่ยวข้องยุติการระเบิดขุดเจาะหลุมน้ำมัน แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ยังมีการดำเนินการดังกล่าวอยู่ เท่ากับว่า อธิบดีกรมเชื้อเพลิงฯ แถลงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ชาวบ้านจึงได้ไปแจ้งความกับสถานีตำรวจในพื้นที่ ตนจึงได้เอาใบแจ้งความของชาวบ้านยื่นเป็นหลักฐานเพิ่มเติม และยังได้เก็บตัวอย่างจากน้ำที่ขังอยู่ในหลุมเจาะน้ำมันมายื่นต่อศาลเป็นพยานวัตถุ เพราะเชื่อว่ามีสารพิษเจือปนที่อาจเป็นอันตรายต่อสภาพแว้ดล้อมได้
รวมทั้งยังได้นำรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายเพิ่มอีก 62 ราย จากเดิมที่มี 98 ราย มายื่นต่อศาลปกครองอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายผู้ถูกร้องได้ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอน ศาลจึงเปิดโอกาสให้ทางฝ่ายผู้ถูกร้องยื่นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับจากวันที่ 21 ส.ค. เพื่อนำไปประกอบสำนวนในการพิจารณาจนกว่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง