รองหัวหน้า ปชป.เรียกร้อง คสช.ทบทวนยกเลิกเงินอุดหนุนพรรค และการห้ามพรรคการเมืองเคลื่อนไหว อย่ามองนักการเมืองเลวร้าย คาด ปชป.ไม่ส่งคนเป็น สปช.เช่นเดียวกับ พท.คงไม่ส่งใครร่วม สภาปฏิรูปขอ คสช.เดินตามโรดแมปแล้วคืนอำนาจให้ประชาชน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรคการเมืองส่งรายชื่อสมาชิกพรรคเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้หารือกันเรื่องดังกล่าวและยังพูดคุยกันไม่ได้เนื่องจาก คสช.ยังห้ามพรรคการเมืองเคลื่อนไหว อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่น ที่ต้องมีการประชุมและออกเป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรค
ทางกลับกัน ขณะนี้มีการยกเลิกอุดหนุนเงิน พรรคการเมือง ทั้งที่พรรคต้องเปิดอยู่ทุกวัน มีการค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง มีสาขากว่า 200 สาขา แต่เคลื่อนไหวทำการเมืองไม่ได้ ขณะที่ คสช.ขอความร่วมให้เราส่งรายชื่อเป็น สปช. อยากให้ คสช.ทบทวนเรื่องนี้ และอย่ามองว่านักการเมืองเลวร้ายทั้งหมด อย่าทำให้พรรคอ่อนแอลง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นจะไม่ส่งคนร่วม สปช. แต่จะส่งเป็นคำแนะนำเป็นระยะ เมื่อ คสช.ขอความร่วมมือแบบนี้ก็ยังไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อีกทั้งภายในพรรคยังมีความเห็นหลากหลายด้วย จึงต้องหารือกันก่อน
นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ คสช.เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็น สปช.ว่า พรรคเพื่อไทยให้ความร่วมมือกับ คสช.มาโดยตลอด แต่จากการพูดคุยกับสมาชิกพรรคบางส่วน มีความเห็นตรงกันว่า ไม่จำเป็นต้องส่งตัวแทนพรรคเข้าร่วมเป็นสมาชิก สปช. การที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ แล้วผู้ที่เป็น สปช.มองเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็สามารถหยิบยกนำไปใช้ได้ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เราคงให้เขาทำการปฏิรูปกันอย่างเต็มที่ และเราเป็นพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย จึงขอมีบทบาทตามวิถีทางประชาธิปไตยจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยได้หารือเรื่องนี้อย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง นายอุดมเดชกล่าวว่า ตั้งแต่มีการยึดอำนาจก็ห้ามชุมนุมทางการเมือง ดังนั้นพรรคจึงยังไม่ได้หารือกันเลย
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสัดส่วนของทหารใน สนช.ที่มีจำนวนเกินครึ่งว่า เป็นเรื่องปกติของการแต่งตั้งที่ต้องการเอกภาพเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ตามที่ คสช.ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ต่อสาธารณะ ทั้งนี้ คสช.เป็นรัฏฐาธิปัตย์ มีอำนาจในการบริหารประเทศตามกฎหมาย เราก็ต้องให้ความร่วมมือ
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าสิ่งสำคัญคือการสร้างกติกากลางของบ้านเมืองหรือกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับ เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และยั่งยืน ตนหวังว่า สนช.และ สปช.คงเป็นมือไม้ที่มีเอกภาพ สามารถออกกฎหมายแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง สมานฉันท์ และความยุติธรรม เมื่อเสร็จสิ้นแล้วขอให้ คสช.ดำเนินการตามโรดแมปที่วางไว้ด้วยการคืนอำนาจให้ประชาชนจะทำให้ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และไทยก็จะเป็นหนึ่งในประชาคมโลกที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี