ชูวิทย์ สับองค์กร รฟท. สารพันปัญหาตั้งแต่สภาพรถยันพนักงาน มีที่ดินในกำมือมหาศาลแต่ทำรายได้จิ๊บจ๊อย หวัง คสช. ถือโอกาสรื้อใหญ่ทั้งระบบ ไม่ใช่เฉพาะส่งคนใหม่มาแทน ประภัสร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่10ก.ค.เมื่อเวลาประมาณ 21.00น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I'm No.5 ถึงกรณี คสช. ประกาศปลดนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟออกจากตำแหน่ง ว่า เพื่อให้การบริหารงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น
ปัญหาของการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องความปลอดภัยอย่างที่เป็นข่าวเท่านั้น แต่รถไฟไทยเป็นองค์กรที่โบราณคร่ำครึ เหนียวแน่น ยึดติดกับความเก่าแก่ ไม่มีการปรับปรุงพัฒนาบุคลากร เพราะคิดว่าตัวเองเป็นรัฐวิสาหกิจและมีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง
ไม่ว่าการบริหารงาน การเดินรถ สภาพภายในขบวนรถ ความปลอดภัยทั้งจากการตกราง ไปจนถึงผู้โดยสารที่เสี่ยงภัยบนรถไฟ การบริการของพนักงานเจ้าหน้า การรับเข้าทำงานที่ใช้เส้นสาย ระบบจัดซื้อจัดจ้างผูกขาดอยู่กับผู้รับเหมาที่ผูกปิ่นโตกันมานาน เป็นแดนสนธยาที่ไม่เคยมีใครกล้าแตะต้อง แม้แต่นักการเมืองหรือรัฐบาลยุคไหนสมัยไหน อย่างเก่งทำได้เพียงส่งคนมาเป็นผู้ว่าฯหรือบอร์ดบริหาร
การบริหารงานของรถไฟ ไม่เคยพัฒนาให้ทันกับโลกสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
รถไฟประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาทิ้งห่างรถไฟไทยไปอย่างไม่เห็นฝุ่น การกู้เงิน 2 ล้านล้านของรัฐบาลสมัยที่แล้ว ที่จะใช้ลงทุนในระบบราง กลับให้องค์กรที่ล้าหลังอย่างรถไฟเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งที่เดิมยังเอาตัวเองไม่รอด มีหนี้สินและขาดทุนอยู่เป็นแสนล้าน ที่ดินที่มีอยู่มากมายมหาศาลทั่วประเทศไทยก็พัฒนาอย่างขอไปที รายได้จิ๊บจ๊อย
ปัญหาสารพันทำให้รถไฟไทยถอยหลังกลับไปเหมือน 40 ปีที่แล้วยังไงอย่างงั้น
ผมหวังว่า คสช. คงจะได้โอกาสปรับปรุงพัฒนา รื้อระบบครั้งใหญ่ของรถไฟไทย ไม่ใช่เฉพาะส่งตัวผู้ว่าฯคนใหม่มาแทน คุณประภัสร์ จงสงวน เท่านั้น
เพราะผู้ว่าฯคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย หากคนที่อยู่ในรถไฟอีก 99 เปอร์เซ็นต์ไม่เปลี่ยนแปลงพัฒนา
ท้ายสุดคุณประภัสร์อำลาตำแหน่งไปอย่างเจ็บปวด ผมเคยเตือนแล้วว่าออกเองดีกว่าให้เขาไล่ออก
คุณประภัสร์ออกจากตำแหน่งนี้ ไม่ใช่เพราะไร้ความสามารถ
แต่เพื่อสังเวยต่อ ความรับผิดชอบ ที่ผู้นำองค์กรต้องมีในกรณี น้องแก้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่10ก.ค.เมื่อเวลาประมาณ 21.00น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I'm No.5 ถึงกรณี คสช. ประกาศปลดนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟออกจากตำแหน่ง ว่า เพื่อให้การบริหารงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น
ปัญหาของการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องความปลอดภัยอย่างที่เป็นข่าวเท่านั้น แต่รถไฟไทยเป็นองค์กรที่โบราณคร่ำครึ เหนียวแน่น ยึดติดกับความเก่าแก่ ไม่มีการปรับปรุงพัฒนาบุคลากร เพราะคิดว่าตัวเองเป็นรัฐวิสาหกิจและมีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง
ไม่ว่าการบริหารงาน การเดินรถ สภาพภายในขบวนรถ ความปลอดภัยทั้งจากการตกราง ไปจนถึงผู้โดยสารที่เสี่ยงภัยบนรถไฟ การบริการของพนักงานเจ้าหน้า การรับเข้าทำงานที่ใช้เส้นสาย ระบบจัดซื้อจัดจ้างผูกขาดอยู่กับผู้รับเหมาที่ผูกปิ่นโตกันมานาน เป็นแดนสนธยาที่ไม่เคยมีใครกล้าแตะต้อง แม้แต่นักการเมืองหรือรัฐบาลยุคไหนสมัยไหน อย่างเก่งทำได้เพียงส่งคนมาเป็นผู้ว่าฯหรือบอร์ดบริหาร
การบริหารงานของรถไฟ ไม่เคยพัฒนาให้ทันกับโลกสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
รถไฟประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาทิ้งห่างรถไฟไทยไปอย่างไม่เห็นฝุ่น การกู้เงิน 2 ล้านล้านของรัฐบาลสมัยที่แล้ว ที่จะใช้ลงทุนในระบบราง กลับให้องค์กรที่ล้าหลังอย่างรถไฟเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งที่เดิมยังเอาตัวเองไม่รอด มีหนี้สินและขาดทุนอยู่เป็นแสนล้าน ที่ดินที่มีอยู่มากมายมหาศาลทั่วประเทศไทยก็พัฒนาอย่างขอไปที รายได้จิ๊บจ๊อย
ปัญหาสารพันทำให้รถไฟไทยถอยหลังกลับไปเหมือน 40 ปีที่แล้วยังไงอย่างงั้น
ผมหวังว่า คสช. คงจะได้โอกาสปรับปรุงพัฒนา รื้อระบบครั้งใหญ่ของรถไฟไทย ไม่ใช่เฉพาะส่งตัวผู้ว่าฯคนใหม่มาแทน คุณประภัสร์ จงสงวน เท่านั้น
เพราะผู้ว่าฯคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย หากคนที่อยู่ในรถไฟอีก 99 เปอร์เซ็นต์ไม่เปลี่ยนแปลงพัฒนา
ท้ายสุดคุณประภัสร์อำลาตำแหน่งไปอย่างเจ็บปวด ผมเคยเตือนแล้วว่าออกเองดีกว่าให้เขาไล่ออก
คุณประภัสร์ออกจากตำแหน่งนี้ ไม่ใช่เพราะไร้ความสามารถ
แต่เพื่อสังเวยต่อ ความรับผิดชอบ ที่ผู้นำองค์กรต้องมีในกรณี น้องแก้ม