เครือข่ายเหล้าจี้ สธ. ออก กม. ห้ามดื่มห้ามขายบนรถไฟ - สถานีรถไฟ หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย “น้องแก้ม” หวังเพิ่มความปลอดภัยผู้โดยสาร ด้านกรมควบคุมโรคเผยเร่งประชุมวิชาการหาข้อสรุป กม. ดังกล่าว ก่อนเสนอ คกก. ควบคุมเหล้า เล็งปรึกษา คสช. ใช้อำนาจผ่าน คกก. นโยบายเหล้าออกกฎหมายได้หรือไม่
วันนี้ (10 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) พร้อมด้วยเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่กว่า 30 คน ยื่นหนังสือต่อ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) เพื่อติดตามความคืบหน้าร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟและบริเวณสถานีรถไฟ รวมถึงตู้เสบียง
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือขอให้ สธ. ผลักดันร่างกฎหมายห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ และสถานีรถไฟ เนื่องจากพบปัญหาส่งผลต่อผู้โดยสารจำนวนมาก ยิ่งกรณีล่าสุด เกิดเหตุฆ่าข่มขืน ด.ญ.วัย 13 ปี บนรถไฟ โดยผู้ก่อเหตุกลับเป็นพนักงานของการรถไฟฯเอง โดยสารภาพว่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเกิดเหตุ สะท้อนชัดถึงความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยต่อร่างกายและทรัพย์สินของผู้โดยสารบนรถไฟ แม้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เตรียมประกาศห้ามขายห้ามดื่มบนรถไฟแล้วคงไม่เพียงพอ เนื่องจากบทลงโทษน้อยมาก ไม่สามารถสร้างความเกรงกลัวความผิดของบรรดานักดื่มได้ ที่สำคัญทั้งหมดอยู่ในดุลพินิจของฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งไม่มีหลักประกันอะไร
นายชูวิทย์ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือในครั้งนี้ ก็เพื่อติดตามความคืบหน้าว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนใด และจะออกกฎหมายบังคับใช้ได้เมื่อไร ซึ่งเครือข่ายได้เรียกร้องไปยัง สธ. 4 เรื่องด้วย ได้แก่ 1. เร่งผลักดันอนุบัญญัติ ว่าด้วยการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ รวมถึงสถานีรถไฟให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว 2. ขอให้ประสานกับ ร.ฟ.ท. โดยเฉพาะตำรวจรถไฟให้บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 รวมถึงประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 2553 ว่าด้วยการควบคุมเวลาขายอย่างเข้มงวด 3. แจ้งให้ชัดเจนด้วยว่า ร.ฟ.ท. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ต้องปฏิบัติตามอนุบัญญัติ ว่าด้วยการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณรัฐวิสาหกิจด้วยใช่หรือไม่ อย่างไร เพราะปัจจุบันยังพบว่าสถานีรถไฟหลายแห่งยังปล่อยให้มีการขายและดื่มอย่างเปิดเผย และ 4. ขอให้กำลังใจ สธ. คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ในการทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมลดลง
นพ.โสภณ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า วันที่ 10 ก.ค. จะมีการประชุมและหารือทางด้านวิชาการร่วมกับเครือข่ายต่างๆ ว่า หากจะออกอนุบัญญัติ ภายใต้ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น สามารถทำได้ในกี่ประเด็น ซึ่งจะต้องมีผลการศึกษาที่ชี้ชัดว่า หากออกเป็นกฎหมายแล้วมีประโยชน์จริงๆ ซึ่งบางประเด็นอาจยังทำไม่ได้ เพราะส่งผลกระทบอย่างมาก เช่น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รัศมี 200 - 300 เมตร รอบสถานศึกษา ซึ่งอาจกระทบกับโรงแรมได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ จะมีการหารือในที่ประชุมด้วย ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ก็จะเสนอให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พิจารณา ซึ่งขณะนี้มี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. เป็นประธาน ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า เมื่อผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ตามระเบียบต้องส่งให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติพิจารณาในการออกอนุบัญญัติ ซึ่งเดิมทีมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรัฐมนตรี 8 กระทรวงร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งอาจจะต้องขอคำปรึกษาจากหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า คสช.มีอำนาจเข้ามาออกอนุบัญญัติได้หรือไม่ หรือจะต้องมีการดำเนินการต่ออย่างไร ทั้งนี้ ที่ผ่านกฎหมายดังกล่าวมีการเตรียมไว้เพื่อออกเป็นประกาศ แต่ติดปัญหาในช่วงการเมืองเกิดปัญหา ทำให้ไม่สามารถจัดการประชุมได้
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า หากอนุบัญญัติได้รับการประกาศเป็นกฎหมาย ผู้ที่ดื่มและขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ รวมถึงสถานีรถไฟจะมีโทษจำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ การที่ ร.ฟ.ท. จะออกประกาศห้ามขายห้ามดื่มบนรถไฟ นับเป็นเรื่องดี แต่สามารถบังคับได้แต่เพียงพนักงานของการรถไฟฯเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจนำมาบังคับใช้กับผู้โดยสารได้ จึงจำเป็นต้องอาศัย พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อออกอนุบัญญัติให้ครบอคลุมบนรถไฟและสถานีรถไฟ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (10 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) พร้อมด้วยเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่กว่า 30 คน ยื่นหนังสือต่อ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) เพื่อติดตามความคืบหน้าร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟและบริเวณสถานีรถไฟ รวมถึงตู้เสบียง
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือขอให้ สธ. ผลักดันร่างกฎหมายห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ และสถานีรถไฟ เนื่องจากพบปัญหาส่งผลต่อผู้โดยสารจำนวนมาก ยิ่งกรณีล่าสุด เกิดเหตุฆ่าข่มขืน ด.ญ.วัย 13 ปี บนรถไฟ โดยผู้ก่อเหตุกลับเป็นพนักงานของการรถไฟฯเอง โดยสารภาพว่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเกิดเหตุ สะท้อนชัดถึงความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยต่อร่างกายและทรัพย์สินของผู้โดยสารบนรถไฟ แม้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เตรียมประกาศห้ามขายห้ามดื่มบนรถไฟแล้วคงไม่เพียงพอ เนื่องจากบทลงโทษน้อยมาก ไม่สามารถสร้างความเกรงกลัวความผิดของบรรดานักดื่มได้ ที่สำคัญทั้งหมดอยู่ในดุลพินิจของฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งไม่มีหลักประกันอะไร
นายชูวิทย์ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือในครั้งนี้ ก็เพื่อติดตามความคืบหน้าว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนใด และจะออกกฎหมายบังคับใช้ได้เมื่อไร ซึ่งเครือข่ายได้เรียกร้องไปยัง สธ. 4 เรื่องด้วย ได้แก่ 1. เร่งผลักดันอนุบัญญัติ ว่าด้วยการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ รวมถึงสถานีรถไฟให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว 2. ขอให้ประสานกับ ร.ฟ.ท. โดยเฉพาะตำรวจรถไฟให้บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 รวมถึงประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 2553 ว่าด้วยการควบคุมเวลาขายอย่างเข้มงวด 3. แจ้งให้ชัดเจนด้วยว่า ร.ฟ.ท. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ต้องปฏิบัติตามอนุบัญญัติ ว่าด้วยการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณรัฐวิสาหกิจด้วยใช่หรือไม่ อย่างไร เพราะปัจจุบันยังพบว่าสถานีรถไฟหลายแห่งยังปล่อยให้มีการขายและดื่มอย่างเปิดเผย และ 4. ขอให้กำลังใจ สธ. คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ในการทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมลดลง
นพ.โสภณ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า วันที่ 10 ก.ค. จะมีการประชุมและหารือทางด้านวิชาการร่วมกับเครือข่ายต่างๆ ว่า หากจะออกอนุบัญญัติ ภายใต้ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น สามารถทำได้ในกี่ประเด็น ซึ่งจะต้องมีผลการศึกษาที่ชี้ชัดว่า หากออกเป็นกฎหมายแล้วมีประโยชน์จริงๆ ซึ่งบางประเด็นอาจยังทำไม่ได้ เพราะส่งผลกระทบอย่างมาก เช่น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รัศมี 200 - 300 เมตร รอบสถานศึกษา ซึ่งอาจกระทบกับโรงแรมได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ จะมีการหารือในที่ประชุมด้วย ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ก็จะเสนอให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พิจารณา ซึ่งขณะนี้มี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. เป็นประธาน ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า เมื่อผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ตามระเบียบต้องส่งให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติพิจารณาในการออกอนุบัญญัติ ซึ่งเดิมทีมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรัฐมนตรี 8 กระทรวงร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งอาจจะต้องขอคำปรึกษาจากหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า คสช.มีอำนาจเข้ามาออกอนุบัญญัติได้หรือไม่ หรือจะต้องมีการดำเนินการต่ออย่างไร ทั้งนี้ ที่ผ่านกฎหมายดังกล่าวมีการเตรียมไว้เพื่อออกเป็นประกาศ แต่ติดปัญหาในช่วงการเมืองเกิดปัญหา ทำให้ไม่สามารถจัดการประชุมได้
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า หากอนุบัญญัติได้รับการประกาศเป็นกฎหมาย ผู้ที่ดื่มและขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ รวมถึงสถานีรถไฟจะมีโทษจำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ การที่ ร.ฟ.ท. จะออกประกาศห้ามขายห้ามดื่มบนรถไฟ นับเป็นเรื่องดี แต่สามารถบังคับได้แต่เพียงพนักงานของการรถไฟฯเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจนำมาบังคับใช้กับผู้โดยสารได้ จึงจำเป็นต้องอาศัย พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อออกอนุบัญญัติให้ครบอคลุมบนรถไฟและสถานีรถไฟ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
