ASTVผู้จัดการ – หลักฐานชี้ วันชัย แสงขาว “ไอ้หื่น” ก่อเหตุข่มขืนแล้วฆ่า “น้องแก้ม” ไม่ใช่พนักงาน บ.เอกชนรับเหมาตามที่ ประภัสร์ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. อ้าง แต่เป็นลูกจ้างเฉพาะงานของการรถไฟฯเอง เผยเพิ่งสอบผ่านการคัดเลือกเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า นายวันชัย แสงขาว คนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนและฆ่า “น้องแก้ม” หรือ ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ อายุ 13 ปี โดยเหตุเกิดบนขบวนรถไฟตู้นอน เที่ยว 174 ตู้ 3 สุราษฎร์ธานี - กรุงเทพฯ โดยมีการตรวจสอบล่าสุดพบว่า นายวันชัย ไม่ใช่ พนักงานรับจ้างเหมาของบริษัทเอกชน (Outsource) แต่เป็นลูกจ้างเฉพาะงานที่เพิ่งสอบผ่านการคัดเลือกด้วยการสัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 10 - 13 มิ.ย. ที่ผ่านมานี่เอง (ลิงก์ : www.trafficsrt.com/home/u_news_detail.php?id=43)
ขณะผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ ส่วนใหญ่เห็นว่า ผู้บริหาร ร.ฟ.ท. ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย เพราะในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ หากเกิดกรณีเช่นนี้เขาจะลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบแล้ว
ก่อนหน้านั้น นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวยอมรับว่า กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟและเจ้าหน้าที่การรถไฟฯไม่เพียงพอต่อการรักษาความปลอดภัยบนรถไฟ เนื่องจากในปี 2538 มติของคณะรัฐมนตรี เลิกการบรรจุพนักงานรถไฟทั้งหมด จึงทำให้การรักษาความปลอดภัยค่อยข้างหละหลวม โดยหลังจากนี้ จะปรับแผนให้พนักงานตรวจตราให้เข้มงวดโดยเฉพาะตู้นอน รวมถึงเตรียมให้มีการยกเลิกการขายสุรา และหากพบผู้ดื่มสุราบนขบวนรถไฟจะเชิญลงจากขบวนรถทันที พร้อมประสานตำรวจให้เข้าดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้น และทางตำรวจรถไฟอาจจะมีการเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มีการเพิ่มบุคลากรด้วย
นอกจากนี้ จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้โดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถขบวนใหม่ที่กำลังสั่งซื้อ ส่วนขบวนเก่านั้นยอมรับว่ามีอายุใช้งานมาก จึงมีปัญหาที่ระบบไฟ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ทั้งนี้ เหตุที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นเหตุสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของการรถไฟฯ และเป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และพร้อมช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่
ส่วนการคาดโทษบริษัทเอกชนที่การรถไฟฯจ้าง จะมีการพิจารณาต่ออายุการทำงาน แต่ต้องต้องดูเงื่อนไขสัญญาจ้างเดิม ซึ่งบริษัทนี้ได้ร่วมทำงานกับการรถไฟฯมากว่า 10 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เว็บไซต์รถไฟไทยดอทคอม ได้นำเสนอสภาพภายในรถนอนสายกรุงเทพ - สุไหงโก-ลก ขบวนที่เกิดเหตุ พบว่ามีทั้งหมด 40 ที่นั่ง และมีสภาพใกล้เคียงกับรถนอนที่เด็กอายุ 13 ปี ที่หายไประหว่างเดินทาง กลับจากสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี - กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เว็บไซด์ดังกล่าวระบุว่าการดูแลผู้โดยสารแต่ละโบกี จะมีพนักงานการรถไฟฯดูแล ตั้งแต่ผู้โดยสารขึ้นรถ ที่นั่งจะสังเกตชัดเจนด้านล่างมีเก้าอี้ 2 ตัว แต่เมื่อผู้โดยสารจะใช้นอนสามารถปรับเป็นที่นอนได้ ซึ่งพนักงานประจำรถจะให้บริการทันที และเมื่อผู้โดยสารขึ้นเตียงนอนแล้ว พนักงานประจำรถจะไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดผ้าม่านเองโดยเด็ดขาด
ขบวนรถไฟสายนี้ประกอบด้วยรถนั่งฟรีเฉพาะบุคคล 8 โบกี รถนั่งพัดลม ชั้น 2 จำนวน 2 โบกี รถนอนพัดลม 2 โบกี และรถนอนปรับอากาศ 1 โบกี โดยในแต่ละโบกีจะมีทางเชื่อมถึงกันได้ และตามระเบียบของการรถไฟแห่งประเทศไทย กำหนดให้ปิดทางเข้าออกตู้นอนในเวลา 22.00 - 5.00 น. และจะเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลซึ่งไม่มีตั๋วรถนอนจะผ่านเข้าออกได้ในเวลาดังกล่าว