ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับศาลชั้นต้น ให้เพิ่มขนาดภาพอันตรายร้อยละ 85 บนซองบุหรี่ ชี้ประกาศยังไม่เข้าขั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แถมการเพิ่มขนาดภาพน่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ที่จะสูบบุหรี่รายใหม่ด้วย
วันนี้ (26 มิ.ย.) ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่ให้มีการทุเลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแสดงรูปภาพ ข้อความเตือนเกี่ยวกับพิษภัย และช่องทางการติดต่อเพื่อการเลิกยาสูบในฉลากของซองบุหรี่ซิกาแรต พ.ศ. 2556 ที่กำหนดให้พื้นที่บนซองหรือกล่องบุหรี่ต้องแสดงภาพพิษภัยของการสูบบุหรี่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ของด้านที่มีพื้นที่มากที่สุดอย่างน้อย 2 ด้าน ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องมาจากบริษัท เจที อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด และเจที อินเตอร์เนชั่นแนล เอสเอ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าบุหรี่ยี่ห้อดังจากญี่ปุ่น (มายเซเว่น หรือ มีเวียส) ยื่นฟ้อง รมว.สาธารณสุข และกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ขอให้ศาลปกครองกลางเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าว โดยระหว่างการพิจารณาคดี ศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 56 กำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยสั่งกระทรวงสาธารณสุขระงับการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวไว้ก่อน ทำให้ปัจจุบันภาพและข้อความเตือนเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ที่ปรากฏบนซองหรือกล่องบุหรี่นั้นมีขนาดร้อยละ 55 ครอบคลุมพื้นที่ด้านหน้าและหลังซองหรือกล่องบุหรี่ตาม พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ปี 2535 ทำให้กระทรวงสาธารณสุขยื่นอุทธรณ์คำสั่งระงับใช้ประกาศฯ ดังกล่าวของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด
ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ระบุว่า ประกาศข้อกำหนดดังกล่าวไม่น่าจะเกินขอบเขตวัตถุประสงค์ของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมผลิตภันฑ์ยาสูบ ซึ่งเป็นไปเพื่อการคุ้มครองประชาชนและเยาวชน และถึงแม้ในชั้นนี้จะฟังได้ว่าไม่ได้มีการศึกษาถึงผลกระทบและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหลายประการจากการบังคับใช้ประกาศ เช่น จะเป็นภาระแก่บริษัท เจที เกินสมควรหรือไม่ ข้อกำหนดดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์และคุ้มครองผู้บริโภคได้จริงหรือไม่ แต่หากพิจารณาโดยถี่ถ้วนแล้วจะเห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวเป็นเนื้อหาแห่งคดีที่ศาลพึงพิจารณาพิพากษาคดีต่อไป ไม่อาจเป็นสาระสำคัญถึงขนาดศาลจะให้ดุลพินิจมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวในชั้นนี้ได้ และแม้จะมีข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการขยายภาพคำเตือนบนซองบุหรี่จะมีผลต่อผู้บริโภคยาสูบอยู่ชั่วขณะบ้างก็ตาม แต่การดังกล่าวย่อมมีผลต่อผู้บริโภคบุหรี่รายใหม่ที่จะสนใจและเริ่มต้นการบริโภคยาสูบในระดับหนึ่ง
ดังนั้น ในชั้นนี้ประกาศดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งหากต่อมาศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศดังกล่าวตามที่บริษัทร้องขอก็ยังสามารถเยียวยาความเสียหายให้กับบริษัทได้โดยบริษัทสามารถไปจัดการระบบการผลิตให้กลับคืนมาดังเดิมได้ โดยไม่กระทบต่อเครื่องหมายการค้า หรือสิทธิประโยชน์ใด รวมทั้งมีข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่า มีผู้ผลิตบุหรี่รายอื่นสามารถปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวได้ จึงฟังไม่ได้ว่า การปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวเป็นปัญหาในเชิงเทคนิคการผลิตที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ดังนั้น เมื่อศาลเห็นว่ากรณีนี้ไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายและหากให้ประกาศมีผลบังคับใช้ต่อไประหว่างการพิจารณาคดีก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขเยียวยาในภายหลังหากพบว่าประกาศไม่ชอบ จึงเป็นกรณีที่การออกคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ประกาศของศาลปกครองชั้นต้นไม่ครบตามเงื่อนไขแห่งการที่ศาลปกครองจะใช้อำนาจออกคำสั่งทุเลาได้ จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นเป็นยกคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีการเพิ่มขนาดภาพอันตรายบนซองบุหรี่ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขนั้นยังมีบริษัทผู้จัดจำหน่ายบุหรี่ประมาณ 4 ราย ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งคาดว่า ในคดีอื่นๆ องค์คณะก็จะมีคำสั่งเช่นเดียวกับคดีนี้