“ประยุทธ์” ให้เลขาฯ ที่ปรึกษา คสช.ประชุมประจำวันแทน แหล่งข่าวเผยต้นตอคำสั่งที่ 64 ปลัด ทส.ชงชื่อชัดใครรุกป่าบ้าง ขณะที่ ผบ.มทบ.11 ลุยจัดระเบียบรถสาธารณะ เริ่มแท็กซี่สุวรรณภูมิ ทำความเข้าใจตามนโยบาย คสช.จัดการมาเฟีย ใช้คอมพ์บันทึกประวัติ-ทำระบบการ์ด ขอคนขับวัดดวง ขู่รู้แล้วใครบ้าง อย่าให้ต้องส่ง สห.คุม ใครดื้อเจอยึดใบอนุญาตพร้อมแบน เล็งแก้ พ.ร.บ.ท่าอากาศยานช่วย นัดคุยกรมขนส่งฯ ก่อนถกสหกรณ์สัปดาห์หน้า
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ในฐานะเลขานุการคณะที่ปรึกษา คสช.เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยในที่ประชุมมีการสรุปสถานการณ์ด้านการข่าวต่างๆ ด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้พูดถึงปัญหาแรงงานต่างด้าวที่เดินทางกลับประเทศ โดยยืนยันว่าเป็นการเข้าใจผิดของแรงงานต่างด้าว ทหารไม่ได้ต้องการจะปราบปรามแรงงานต่างด้าว แต่ต้องการจัดระเบียบให้เป็นระบบ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการปล่อยข่าวของผู้ที่ไม่หวังดีและนายจ้างบางราย ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแล นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกันถึงเรื่องลักลอบการตัดไม้ ตามที่ คสช.ได้ออกคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ ขอให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเข้ามาช่วยจับกุม และดูแลกวดขันอย่างเคร่งคัด เพราะในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ทหารสามารถออกไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเจ้าพนักงานป่าไม้ได้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ
แหล่งข่าวระดับสูง คสช.ระบุถึงกรณีที่นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ออกมาเปิดเผยมีรายชื่อนายทุน และข้าราชการที่มีพฤติกรรมรุกป่าอยู่ในมือมากกว่า 100 ราย โดยหลังจากกลั่นกรองรายชื่อแล้วจะส่งให้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ เพื่อการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดผลกระทบที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศโดยรวม โดยให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องเข้มงวดมากขึ้นต่อการลักลอบการตัดไม้ โดยขณะนี้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ส่งรายชื่อทั้งหมดให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยาเรียบร้อยแล้ว โดยทางคณะจิตวิทยาจะเร่งตรวจสอบและนำเรื่องทั้งหมดส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป
ด้าน พล.ต.นิรันดร สมุทรสาคร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11) กล่าวว่า ได้เริ่มต้นการจัดระเบียบรถแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นที่แรก เนื่องจากเป็นหน้าตาของประเทศและพฤติกรรมของแท็กซี่ก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสนามบิน และประเทศด้วย ที่ผ่านมามีปัญหาแท็กซี่พาผู้โดยสาร หรือนักท่องเที่ยวไปทิ้งกลางทาง รวมทั้งการเรียกราคาค่าโดยสารเพิ่มหรือคิดราคาสูงมากเกินไป รวมทั้งเรื่องกริยามารยาท และการไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข สิ่งผิดกฎหมายด้วย นอกจากนี้ยังผู้มีอิทธิพลคุมดูแลอยู่ โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีแท็กซี่จำนวน 7,000 คัน จำนวน 39 กลุ่มหรือสหกรณ์ โดย 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นรถส่วนตัว ที่เหลือเป็นรถเช่า
พล.ต.นิรันดรกล่าวว่า ได้ไปพูดคุยกับทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลุ่มต่างๆ ที่มารับงานที่สนามบิน และบรรดาแท็กซี่แล้ว เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ คสช.ต้องให้ มทบ. 11 เข้ามาดูแลจัดระเบียบ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย คสช. คือ 1. ลดความเดือดร้อนของประชาชน และคืนความสุขให้ประชาชน ผู้โดยสาร รวมทั้งคนขับแท็กซี่ด้วย เราต้องการให้มีเรื่องร้องเรียนให้น้อยที่สุด หรือเมื่อมีแล้วต้องรีบแก้ไข 2. แท็กซี่จะต้องเข้าสู่กรอบกติกา ระเบียบในการไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด หรือแม้แต่ค้าประเวณี เพราะในเวลาอยู่รวมกันหมู่มาก เพราะที่สุวรรณภูมิมีรถแท็กซี่ทั้งหมด 7,000 คัน แต่จะมีที่เข้ามารับผู้โดยสารประจำราว 3,000 คันเท่านั้น
พล.ต.นิรันดร กล่าวว่า ปัญหาสำคัญคือมีมาเฟียที่เข้ามาคุม และจัดระบบคิวรถ ให้แท็กซี่ ในการเลือกผู้โดยสาร เพราะแท็กซี่ส่วนใหญ่ จะไม่อยากรับผู้โดยสารที่ไประยะใกล้ๆ เพราะไม่คุ้ม แต่ต้องการนักท่องเที่ยวที่ไปไกลๆ เช่น พัทยา ก็จะได้ 2-3 พันบาท แต่แท็กซี่ก็ต้องจ่ายหัวคิวให้มาเฟียที่คุมการจัดคิวรถ นับจากนี้แท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ลงทะเบียนประวัติ ลายนิ้วมือของแท็กซี่ที่มาจดทะเบียนกับสุวรรณภูมิทั้งหมด แล้วใช้ระบบการ์ด และการรูดการ์ดเข้ามาแทนการใช้ระบบมาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพลมาคุม
“แท็กซี่ทุกคันก็ต้องยอมรับว่าแล้วแต่ดวงว่าจะได้ลูกค้าไปที่ไหน ตามคิว ไม่มีการเลือกลูกค้าว่าจะไปใกล้หรือไกล ภายใน 1 เดือน จะเห็นผล เพราะระบบมาเฟียจะหมดไป ตอนนี้เราเตือนก่อน ยังไม่ได้ไปจัดการอะไร แต่เรารู้ว่าใคร และตรวจสอบเพิ่มอีก แต่เชื่อว่า ภายใน 1 เดือน ถ้าเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ระบบมาเฟียจะหมดไป เพราะตนไม่อยากถึงขั้นจะต้องให้ สห.ทบ.เข้าไปเดินตรวจความเรียบร้อย เลย ผมไม่ต้องการทำแบบนั้น ไม่ต้องมีคนมาเลือกลูกค้าให้ ตนใช้คำว่า ขอความร่วมมือ แต่ถ้าไม่ยอมให้ความร่วมมือ ตนก็บอกขำๆว่า จะเอาทหารไปยืนกอดอกอยู่หลังเค้าท์เตอร์” พล.ต.นิรันดรกล่าว
พล.ต.นิรันดรกล่าวว่า แท็กซี่ที่สุวรรณภูมิมี 2 ระบบ คือ พวกที่จดทะเบียนแล้วเข้ามารับผู้โดยสารที่ชั้นล่าง ที่มีขาประจำเข้ามาละ 3,000 คัน โดยจะได้วันละ 2 เที่ยว ตรงนี้เราก็ต้องดูแลคนขับแท็กซี่ด้วยเพราะเขาก็ทำมาหากิน เพราะค่าเช่ารถวันละ 700 เขาต้องได้อย่างน้อยวันละ 1,700 บาทถึงจะอยู่ได้ เพราะบรรดาแท็กซี่บอกว่าช่วงที่มีการชุมนุม 7 เดือนนั้นเดือดร้อนมาก เพราะนักท่องเที่ยวน้อยมาก โดนยึดรถที่ผ่อนส่งเองไปหลายราย เราเชื่อว่าอีกไม่นานนักท่องเที่ยวก็จะกลับมาอีกไม่ช้านี้เพราะสถานการณ์ปกติ และมีความเข้าใจในสถานการณ์มากขึ้น ระบบที่ 2 คือ แท็กซี่ทั่วไปในเขต กทม.และปริมณฑล มีจำนวน 1 แสน 1 หมื่นคันโดยในจำนวนนี้ มี 7 หมื่นคัน ที่สังกัด 130 สหกรณ์แท็กซี่ และ 13 ศูนย์วิทยุแท็กซี่ และอีกจำนวน 4 หมื่นคันเป็นแท็กซี่อิสระ ซึ่งแท็กซี่จากข้างนอกที่ไม่ได้จะทะเบียนกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเข้ามาที่ชั้น 4 เพราะมาส่งผู้โดยสารขาออก ตรงนี้เขาสามารถที่จะรับผู้โดยสารออกไปได้ แต่ห้ามจอดแช่รอผู้โดยสาร ถือว่าเป็นจังหวะและโอกาส
“จะไม่มีระบบมาเฟียมาห้ามว่ารถแท็กซี่จากข้างนอกมาส่งผู้โดยสารที่สนามบินแล้วจะรับผู้โดยสารออกไปไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ที่ชั้น 4 ก็จะเป็นคนไทยที่รู้ว่าจะมีแท็กซี่เข้ามา เพราะถ้าแท็กซี่ที่เข้ามาปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารก็ไม่ได้เพราะมีความผิด ก็ต้องรับไป เราพยายามลดแรงกดดัน ไม่ได้บังคับอะไร แต่ถ้าไม่ร่วมมือก็มีลงโทษ คือให้กรมขนส่งทางบกยึดใบอนุญาต และแจ้งตำรวจ แล้วจะไม่ให้เข้ามาในสุวรรณภูมิอีก แต่ที่ผมห่วงคือ เมื่อทหารออกไป ระบบมาเฟียจะกลับเข้ามาอีก ดังนั้นจึงจะเสนอ คสช.ให้มีการหารือกับ หน่วยที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขเรื่อง พ.ร.บ.ท่าอากาศยาน เนื่องจากสุวรรณภูมิตั้งมาทีหลัง ไม่ได้อยู่ใน พ.ร.บ.ท่าอากาศยาน และไม่ได้อยู่ในเขตทหารด้วย จึงทำให้มีปัญหาหลายอย่าง”
พล.ต.นิรันดรกล่าวว่า ทาง มทบ.11 จะหารือกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อหาทางในการจัดระเบียบในวันนี้ แล้วสัปดาห์หน้าจะเชิญสหกรณ์แท็กซี่ทั้งหมดมาพบปะหารือเพื่อหาแนวทางและรับฟังความเห็นเพื่อจัดระเบียบแท็กซี่ในพื้นที่อื่นๆ ด้วย รวมทั้งที่สนามบินดอนเมือง ในส่วนของค่าธรรมเนียมแท็กซี่จำนวน 50 บาท ที่ผู้โดยสารจะต้องจ่ายให้แท็กซี่นั้นเป็นไปตามกฎกระทรวงต้องจ่ายซึ่งไม่มีปัญหา แต่ทางแท็กซี่ขอให้ คสช. พิจารณาในการปรับมิเตอร์แท็กซี่ เรื่องราคาแต่ละกิโลเมตรใหม่ เพราะไม่ได้ปรับมา 10 ปีแล้ว แต่นโยบายของ คสช. คือ ให้ตรึงราคาไว้สักระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยมาหารือกันอีกในภายหลัง
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ในฐานะเลขานุการคณะที่ปรึกษา คสช.เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยในที่ประชุมมีการสรุปสถานการณ์ด้านการข่าวต่างๆ ด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้พูดถึงปัญหาแรงงานต่างด้าวที่เดินทางกลับประเทศ โดยยืนยันว่าเป็นการเข้าใจผิดของแรงงานต่างด้าว ทหารไม่ได้ต้องการจะปราบปรามแรงงานต่างด้าว แต่ต้องการจัดระเบียบให้เป็นระบบ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการปล่อยข่าวของผู้ที่ไม่หวังดีและนายจ้างบางราย ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแล นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกันถึงเรื่องลักลอบการตัดไม้ ตามที่ คสช.ได้ออกคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ ขอให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเข้ามาช่วยจับกุม และดูแลกวดขันอย่างเคร่งคัด เพราะในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ทหารสามารถออกไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเจ้าพนักงานป่าไม้ได้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ
แหล่งข่าวระดับสูง คสช.ระบุถึงกรณีที่นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ออกมาเปิดเผยมีรายชื่อนายทุน และข้าราชการที่มีพฤติกรรมรุกป่าอยู่ในมือมากกว่า 100 ราย โดยหลังจากกลั่นกรองรายชื่อแล้วจะส่งให้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ เพื่อการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดผลกระทบที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศโดยรวม โดยให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องเข้มงวดมากขึ้นต่อการลักลอบการตัดไม้ โดยขณะนี้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ส่งรายชื่อทั้งหมดให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยาเรียบร้อยแล้ว โดยทางคณะจิตวิทยาจะเร่งตรวจสอบและนำเรื่องทั้งหมดส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป
ด้าน พล.ต.นิรันดร สมุทรสาคร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11) กล่าวว่า ได้เริ่มต้นการจัดระเบียบรถแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นที่แรก เนื่องจากเป็นหน้าตาของประเทศและพฤติกรรมของแท็กซี่ก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสนามบิน และประเทศด้วย ที่ผ่านมามีปัญหาแท็กซี่พาผู้โดยสาร หรือนักท่องเที่ยวไปทิ้งกลางทาง รวมทั้งการเรียกราคาค่าโดยสารเพิ่มหรือคิดราคาสูงมากเกินไป รวมทั้งเรื่องกริยามารยาท และการไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข สิ่งผิดกฎหมายด้วย นอกจากนี้ยังผู้มีอิทธิพลคุมดูแลอยู่ โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีแท็กซี่จำนวน 7,000 คัน จำนวน 39 กลุ่มหรือสหกรณ์ โดย 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นรถส่วนตัว ที่เหลือเป็นรถเช่า
พล.ต.นิรันดรกล่าวว่า ได้ไปพูดคุยกับทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลุ่มต่างๆ ที่มารับงานที่สนามบิน และบรรดาแท็กซี่แล้ว เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ คสช.ต้องให้ มทบ. 11 เข้ามาดูแลจัดระเบียบ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย คสช. คือ 1. ลดความเดือดร้อนของประชาชน และคืนความสุขให้ประชาชน ผู้โดยสาร รวมทั้งคนขับแท็กซี่ด้วย เราต้องการให้มีเรื่องร้องเรียนให้น้อยที่สุด หรือเมื่อมีแล้วต้องรีบแก้ไข 2. แท็กซี่จะต้องเข้าสู่กรอบกติกา ระเบียบในการไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด หรือแม้แต่ค้าประเวณี เพราะในเวลาอยู่รวมกันหมู่มาก เพราะที่สุวรรณภูมิมีรถแท็กซี่ทั้งหมด 7,000 คัน แต่จะมีที่เข้ามารับผู้โดยสารประจำราว 3,000 คันเท่านั้น
พล.ต.นิรันดร กล่าวว่า ปัญหาสำคัญคือมีมาเฟียที่เข้ามาคุม และจัดระบบคิวรถ ให้แท็กซี่ ในการเลือกผู้โดยสาร เพราะแท็กซี่ส่วนใหญ่ จะไม่อยากรับผู้โดยสารที่ไประยะใกล้ๆ เพราะไม่คุ้ม แต่ต้องการนักท่องเที่ยวที่ไปไกลๆ เช่น พัทยา ก็จะได้ 2-3 พันบาท แต่แท็กซี่ก็ต้องจ่ายหัวคิวให้มาเฟียที่คุมการจัดคิวรถ นับจากนี้แท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ลงทะเบียนประวัติ ลายนิ้วมือของแท็กซี่ที่มาจดทะเบียนกับสุวรรณภูมิทั้งหมด แล้วใช้ระบบการ์ด และการรูดการ์ดเข้ามาแทนการใช้ระบบมาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพลมาคุม
“แท็กซี่ทุกคันก็ต้องยอมรับว่าแล้วแต่ดวงว่าจะได้ลูกค้าไปที่ไหน ตามคิว ไม่มีการเลือกลูกค้าว่าจะไปใกล้หรือไกล ภายใน 1 เดือน จะเห็นผล เพราะระบบมาเฟียจะหมดไป ตอนนี้เราเตือนก่อน ยังไม่ได้ไปจัดการอะไร แต่เรารู้ว่าใคร และตรวจสอบเพิ่มอีก แต่เชื่อว่า ภายใน 1 เดือน ถ้าเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ระบบมาเฟียจะหมดไป เพราะตนไม่อยากถึงขั้นจะต้องให้ สห.ทบ.เข้าไปเดินตรวจความเรียบร้อย เลย ผมไม่ต้องการทำแบบนั้น ไม่ต้องมีคนมาเลือกลูกค้าให้ ตนใช้คำว่า ขอความร่วมมือ แต่ถ้าไม่ยอมให้ความร่วมมือ ตนก็บอกขำๆว่า จะเอาทหารไปยืนกอดอกอยู่หลังเค้าท์เตอร์” พล.ต.นิรันดรกล่าว
พล.ต.นิรันดรกล่าวว่า แท็กซี่ที่สุวรรณภูมิมี 2 ระบบ คือ พวกที่จดทะเบียนแล้วเข้ามารับผู้โดยสารที่ชั้นล่าง ที่มีขาประจำเข้ามาละ 3,000 คัน โดยจะได้วันละ 2 เที่ยว ตรงนี้เราก็ต้องดูแลคนขับแท็กซี่ด้วยเพราะเขาก็ทำมาหากิน เพราะค่าเช่ารถวันละ 700 เขาต้องได้อย่างน้อยวันละ 1,700 บาทถึงจะอยู่ได้ เพราะบรรดาแท็กซี่บอกว่าช่วงที่มีการชุมนุม 7 เดือนนั้นเดือดร้อนมาก เพราะนักท่องเที่ยวน้อยมาก โดนยึดรถที่ผ่อนส่งเองไปหลายราย เราเชื่อว่าอีกไม่นานนักท่องเที่ยวก็จะกลับมาอีกไม่ช้านี้เพราะสถานการณ์ปกติ และมีความเข้าใจในสถานการณ์มากขึ้น ระบบที่ 2 คือ แท็กซี่ทั่วไปในเขต กทม.และปริมณฑล มีจำนวน 1 แสน 1 หมื่นคันโดยในจำนวนนี้ มี 7 หมื่นคัน ที่สังกัด 130 สหกรณ์แท็กซี่ และ 13 ศูนย์วิทยุแท็กซี่ และอีกจำนวน 4 หมื่นคันเป็นแท็กซี่อิสระ ซึ่งแท็กซี่จากข้างนอกที่ไม่ได้จะทะเบียนกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเข้ามาที่ชั้น 4 เพราะมาส่งผู้โดยสารขาออก ตรงนี้เขาสามารถที่จะรับผู้โดยสารออกไปได้ แต่ห้ามจอดแช่รอผู้โดยสาร ถือว่าเป็นจังหวะและโอกาส
“จะไม่มีระบบมาเฟียมาห้ามว่ารถแท็กซี่จากข้างนอกมาส่งผู้โดยสารที่สนามบินแล้วจะรับผู้โดยสารออกไปไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ที่ชั้น 4 ก็จะเป็นคนไทยที่รู้ว่าจะมีแท็กซี่เข้ามา เพราะถ้าแท็กซี่ที่เข้ามาปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารก็ไม่ได้เพราะมีความผิด ก็ต้องรับไป เราพยายามลดแรงกดดัน ไม่ได้บังคับอะไร แต่ถ้าไม่ร่วมมือก็มีลงโทษ คือให้กรมขนส่งทางบกยึดใบอนุญาต และแจ้งตำรวจ แล้วจะไม่ให้เข้ามาในสุวรรณภูมิอีก แต่ที่ผมห่วงคือ เมื่อทหารออกไป ระบบมาเฟียจะกลับเข้ามาอีก ดังนั้นจึงจะเสนอ คสช.ให้มีการหารือกับ หน่วยที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขเรื่อง พ.ร.บ.ท่าอากาศยาน เนื่องจากสุวรรณภูมิตั้งมาทีหลัง ไม่ได้อยู่ใน พ.ร.บ.ท่าอากาศยาน และไม่ได้อยู่ในเขตทหารด้วย จึงทำให้มีปัญหาหลายอย่าง”
พล.ต.นิรันดรกล่าวว่า ทาง มทบ.11 จะหารือกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อหาทางในการจัดระเบียบในวันนี้ แล้วสัปดาห์หน้าจะเชิญสหกรณ์แท็กซี่ทั้งหมดมาพบปะหารือเพื่อหาแนวทางและรับฟังความเห็นเพื่อจัดระเบียบแท็กซี่ในพื้นที่อื่นๆ ด้วย รวมทั้งที่สนามบินดอนเมือง ในส่วนของค่าธรรมเนียมแท็กซี่จำนวน 50 บาท ที่ผู้โดยสารจะต้องจ่ายให้แท็กซี่นั้นเป็นไปตามกฎกระทรวงต้องจ่ายซึ่งไม่มีปัญหา แต่ทางแท็กซี่ขอให้ คสช. พิจารณาในการปรับมิเตอร์แท็กซี่ เรื่องราคาแต่ละกิโลเมตรใหม่ เพราะไม่ได้ปรับมา 10 ปีแล้ว แต่นโยบายของ คสช. คือ ให้ตรึงราคาไว้สักระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยมาหารือกันอีกในภายหลัง