เลขาฯ สภา มึนถูกเด้ง ยันเป็นกลาง ข้อหาผลาญงบแจงได้-ควงปลัดไอซีทีรายงาน คสช.

“ปลัดไอซีที-สุวิจักขณ์” ตบเท้ารายงานตัว คสช.ที่ทำเนียบ หลังถูกเด้งเข้ากรุ เลขาฯสภา รับไม่หนักใจ เป็นสิทธิ ปชป.เจ้าเดิมที่บี้สอบผลาญงบ ยันแจงได้ ปัดไปทำให้ไม่พอใจ อยู่สภานานชินแล้ว ยังมึนถูกเด้งเพราะ ไม่ได้ยอมรับสภาพแต่ทำตามคำสั่ง อ้อนอยู่ที่ท่านเมตตากลับคืนตำแหน่ง โต้ไม่ได้ทำงานเอนเอียงไม่น้อยใจ ชี้ สนช.ไม่สะดุด

วันนี้ (13 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น. นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานตัวหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมารอให้การต้อนรับ แทน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ติดภารกิจ ต่อมาเวลา 08.20 น. นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้ามารายงานตัวเช่นกัน โดยมีนายกมล สุขสมบูรณ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับที่ตึกสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)

ภายหลังเข้ารายงานตัว นายสุวิจักขณ์ได้สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตายาย ก่อนให้สัมภาษณ์ว่าได้เข้ารายงานตัวเรียบร้อยแล้วและไม่ได้หนักใจหรือมีปัญหาอะไร ต้องปฏิบัติตามคำสั่งคสช. ผู้สื่อข่าวถามว่าแม้ว่าจะถูกคำสั่งย้ายมาแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงยื่นหนังสือให้ คสช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของท่านอยู่ นายสุวิจักขณ์กล่าวว่า เป็นสิทธิของพรรคประชาธิปัตย์ ก็เจ้าเดิมที่มายื่นให้สอบตน ไม่เป็นไร ตนชี้แจงได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างนาฬิกาหรือตู้น้ำดื่มของรัฐสภา มีกรรมการที่จัดตั้งโดยระเบียบพัสดุ มีทั้งกรรมการทีโออาร์ และกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งโครงการมีการตรวจรับไปเกือบหมดแล้ว และไม่เห็นมีปัญหาอะไร และเรื่องสำคัญๆ บางโครงการก็มีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกหรือหน่วยที่เกี่ยวข้องมาร่วมเป็นกรรมการทีโออาร์ด้วย เช่น เรื่องนาฬิกา ได้เชิญสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกาทั่วโลกมาร่วมคณะกรรมการทีโออาร์ และเขียนทีโออาร์ให้ ทางสภาไม่ได้เป็นผู้เขียนเอง

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาไปทำอะไรให้ฝ่ายค้านไม่พอใจหรือไม่ นายสุวิจักขณ์กล่าวว่า ไม่มี คนที่มากล่าวหาตนก็รู้จักกัน ที่ผ่านมาก็ไม่เคยโต้ตอบ แต่บางครั้งบางคราวไม่โต้ตอบเราก็จะเสียหายตลอด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นตนรู้สึกชิน อยู่มา 37 ปี รู้ทุกอย่างว่าในสภาเป็นอย่างไร เชื่อว่าสักวันหนึ่งจะผ่านไปด้วยดี รออีกสักระยะหนึ่งให้ คสช.ได้ปฏิรูปประเทศก่อน เชื่อว่าประเทศจะเดินหน้าไปอย่างดี และมั่นคงด้วย

เมื่อถามว่า การที่โดนโยกย้ายครั้งนี้ทราบสาเหตุหรือไม่ว่าเพราะอะไร นายสุวิจักขณ์กล่าวว่า ไม่ทราบเลย รู้จากข่าวเท่านั้น และเขาไม่ได้แจ้งเหตุผลอะไร อาจจะเพื่อความเหมาะสม เมื่อถามว่าตอนนี้ยอมรับสภาพแล้วหรือไม่ นายสุวิจักขณ์กล่าวว่า ไม่ได้ยอมรับสภาพ แต่ปฏิบัติตามคำสั่ง ส่วนจะได้กลับไปทำงานที่สภาอีกหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่านจะเมตตา

เมื่อถามว่า ในส่วนของสภาจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่หากไม่มีเลขาฯ สภา ในการรองรับ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายสุวิจักขณ์กล่าวว่า เดินต่อได้ มีงบประมาณเหลือเฟือที่จะทำงาน ถ้า คสช.จะมอบหมายให้สภาทำอะไรไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็น สนช.หรือสภาปฏิรูป วันนี้รองเลขาฯ สภาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็สามารถทำงานได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะมานั่งทำงานที่สำนักปลัดฯ และโดยส่วนตัวไม่รู้สึกน้อยใจอะไร ส่วนกระแสข่าวที่ว่าการทำหน้าที่ของตนเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นไม่เป็นความจริง เพราะการเป็นเลขาธิการสภาฯมีเจ้านายถึง 700 คน ที่เป็นทั้ง ส.ส.และ สว. ทั้งยังเป็นกลไกให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎร และประชุมร่วมรัฐสภา เพราะฉะนั้นก็ต้องวางตัวเป็นกลาง อีกทั้งได้มีกฎให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลางอยู่แล้วด้วย และที่ผ่านมาก็ปฏิบัติอย่างนั้นมาตลอด รวมถึงข้าราชการสภาก็วางตัวเป็นกลางทุกคน

เมื่อถามว่า ขณะนี้เป็นการเล่นเกมการเมืองมากไปหรือไม่ นายสุวิจักขณ์กล่าวว่า คงไม่ใช่เกมแต่เป็นความเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกันมากกว่า