มือ กม.ปชป.ซัดนายกฯ ทำสับสน-น่ารังเกียจ ใส่ร้ายองค์กรอิสระแกล้ง ปมคืนเก้าอี้ “ถวิล” ย้อนเด้งเลขาฯ สมช.เอื้อ “พี่หญิงอ้อ” นั่ง ผบ.ตร.ผิดชัด ศาล รธน.ต้องรับคำร้อง ไม่ทำผิด รธน. ติงบิดเบือนอ้างพ้นตำแหน่งวินิจฉัยซ้ำไม่ได้ ฉะตายแล้วต้องแบกศพมารักษาการหรือไม่ ยันศาลชี้ผิดต้องทิ้งเก้าอี้ทันที ด้าน “ชวนนท์” ชี้ทางออกชาติ ก้าวข้าม พท.-รบ. อัดมุ่งหาทางออกให้ตัวเอง ไม่สนชาติเสียหาย วอนทุกฝ่ายเจรจาให้ชาติเดินหน้า
วันนี้ (10 เม.ย.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า สร้างความสับสนในสังคมด้วยการทำลายความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนสับสนว่าตัวเองกำลังถูกองค์กรอิสระกลั่นแกล้ง ทั้งที่ความจริงนายกรู้อยู่แล้วแต่สร้างความสับสนมาโดยตลอดคือ กรณีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสิน ครม.คืนตำแหน่งให้นายถวิล เปลี่ยนศรี เหตุใดทำไมต้องดำเนินการในศาลรัฐธรรมนูญเป็นการทำเกินอำนาจหน้าที่ กลั่นแกล้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งที่ความจริงคือ การย้ายนายถวิลมีขึ้นเพื่อนำ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกจาก ผบ.ตร. เพราะถ้าเจ้าตัวไม่ยินยอมก็ไม่สามารถย้ายได้ จึงต้องทำให้ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่างลง เพื่อให้ตำแหน่ง ผบ.ตร.ว่างจะได้ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาเป็น ผบ.ตร.
นายวิรัตน์กล่าวต่อว่า การกระทำดังกล่าวจึงผิดชัดเจนเพราะเป็นการใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวก และญาติตัวเอง ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดชี้แล้วว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และรัฐบาลก็ยอมคืนตำแหน่งภายในเวลา 45 วัน ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 (2) จึงถือว่าข้อเท็จจริงยุติ เมื่อ ส.ว.เสนอเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 9 1. ศาลรัฐธรรมนูญต้องรับไว้พิจารณา ถ้าไม่รับก็ผิดรัฐธรรมนูญ คำกล่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเป็นการใส่ร้ายศาลรัฐธรรมนูญอย่างน่ารังเกียจมาก เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งทีได้ข้อยุติแล้วจากคำสั่งของศาลปกครอง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญสามารถวินิจฉัยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์พ้นสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีผลทันทีไม่สามารถเป็นนายกฯ รักษาการได้อีกต่อไป การอ้างว่าพ้นจากตำแหน่งมาเป็นรักษาการไม่สามารถวินิจฉัยได้นั้นเป็นการบิดเบือนที่น่ารังเกียจ
“ถ้าตายแล้วยังรักษาการได้ ก็ต้องเอาศพไปตั้งที่ทำเนียบรัฐบาล หรือลาออกแล้วยังให้รักษาการต่อทำไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต้องพ้นตำแหน่งทันทีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (9) ซึ่งเป็นเรื่องการขาดคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรีไม่สามารถรักษาการได้อีกต่อไป” นายวิรัตน์กล่าว
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองโดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อเปิดโอกาสเจรจา หาคำตอบที่เป็นทางออกของประเทแต่น่าเสียใจที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยังไม่อยากให้ประเทศพ้นวิกฤตเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษา ศอ.รส.ออกคำสั่งห้ามไม่ให้ปลัดกระทรวงพบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นั้น เป็นการแสดงความเห็นแก่ตัวปิดกั้นโอกาสประเทศเพราะต้องการอยู่ในอำนาจโดยไม่สนใจว่าความเสียหายจะเกิดแก่ประเทศอย่างไร ถือเป็นการปิดประตูประเทศเพื่อหาทางออกให้กับตัวเอง จึงเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศก้าวข้ามพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลชุดนี้ ร่วมมือเดินหน้าสู่การปฏิรูปประเทศ ซึ่งตนเชื่อว่า กปปส.พร้อมรับฟังความเห็นประชาชนกลุ่มอื่นทีไม่ได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือพรรคการเมือง
“เราต้องสละพรรคเพื่อไทยที่สนับสนุนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีพฤติกรรมสนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชันอย่างชัดเจน พยายามให้ร้าย ป.ป.ช.อย่างต่อเนื่อง การไม่ยอมรับการตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่คิดปฏิรูปพาประเทศเดินหน้า จึงถึงเวลาต้องก้าวข้ามพรรคการเมืองที่เห็นแก่ตัวมีความคิดล้าหลัง ขอให้ข้าราชการอย่าใส่ใจกับนักการเมืองเห็นแก่ตัวอีกต่อไป” นายชวนนท์กล่าว