xs
xsm
sm
md
lg

ภารกิจปราบแก๊งเปรี้ยว กรอกยาแรง “แกนนำแดง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
รายงานการเมือง

ม่เหนือความคาดหมายที่ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” (คสช.) ที่นำโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. ปล่อยตัวบรรดาแกนนำ กปปส.เมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 พ.ค. โดยใช้เหตุผลที่ต้องส่งแต่ละคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามที่มีคดีติดตัวพะรุงพะรังกันอยู่

แต่ก็ต้องถือว่าหัวขบวนม็อบกำนันได้รับปิสรภาพเร็วเกินไป เพราะพิจารณาภาพกว้างแล้ว กปปส.ถือเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง อีกทั้งมีส่วนสำคัญในการจุดชนวนความขัดแย้งให้เกิดขึ้น ยิ่งเมื่อปล่อยตัวออกมาเร็ว ก็ย่อมทำให้อีกฟากฝั่ง “คนเสื้อแดง” รู้สึกว่า คสช.ว่าได้รับความไม่ยุติธรรม

วาทกรรม “สองมาตรฐาน” ก็ถูกบ่นฮึมฮัมในที่ลับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จนถึงเวลานี้ยังไม่มีใครรู้เป็นแน่ชัดว่าบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงถูกเก็บตัวอยู่ที่ “ค่ายทหาร” แห่งใด

เมื่อ คสช.เลือกปล่อยตัวแกนนำ กปปส.ก่อน ก็ต้องมีมาตรการรองรับ เพื่ออธิบายกับ “คนเสื้อแดง” ไม่ให้นำไปเป็นประเด็น เปิดแผลมาด่า-ต่อว่า คสช.ได้ เพราะชั่วโมงนี้ต้องไม่ลืมว่า “แรงต้าน” ยังมีอยู่ประปรายทิ้งเป็น “หัวเชื้อ” ให้จุดประเด็นได้ทุกเมื่อ

ประเมินแล้วบรรดาหัวโจกคนเสื้อแดง ไล่ตั้งแต่ “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เลขาธิการ นปช. “วีระกานต์ มุสิกพงศ์” หรือ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” ส่อแววต้องถูกจองจำนอนในค่ายทหารไปอีกพักใหญ่

เพราะรู้ดีว่าหากตัดสินใจปล่อยคนเหล่านี้ออกมาเพ่นพ่าน ก็สุ่มเสี่ยงเข้าแนวปล่อยเสือเข้าป่า ไม่นานก็จะกลับมาแว้งกัดได้ โดยเฉพาะเมื่อมีความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มต่อต้านรัฐประหาร” ที่จัดกิจกรรมตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา ในลักษณะเลี้ยงกระแสเอาไว้

โดยแม้ภาพที่ปรากฎผ่านสื่อดูเหมือน “กลุ่มต่อต้านรัฐประหาร” มีพลังและแนวร่วมพอสมควร เพราะมีทั้งผู้ที่ต่อต้านการรัฐประหารอย่างจริงจัง และพวกที่ผสมโรงปั่นกระแส หรือที่ถูกขนานนามว่า “แดงชุบแป้งทอด” จำแลงตัวมาร่วมด้วย แต่ยังขาดการจัดการบริหารการชุมนุมให้เป็นระบบ เพราะไม่มีใครกล้าขึ้นมาเป็นแกนนำ

คนทำม็อบมืออาชีพรู้ดีว่า เมื่อมีมวลชน บวกกับการบริหารจัดการที่ดี ใช้คนระดับ “แม่เหล็ก” เข้ามาร่วมด้วย มีสิทธิที่จะขยายตัวสร้างความหนักใจให้ คสช.ได้ แม้จะอยู่ในช่วง “กฎอัยการศึก” ซึ่งทหารมีอำนาจเต็มก็ตาม เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดก็สุ่มเสี่ยงอีกว่า จะเกิดภาพความรุนแรง หรือทหารทำร้ายประชาชน

เข้าทางของฝ่ายต่อต้านรัฐประหารและคนเสื้อแดง

ทางที่ดีที่สุดคือควบคุมตัว “แกนนำคนเสื้อแดง” ระดับแม่เหล็กให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ และอาจจะนานเป็นเดือน

อย่าลืมว่าความผิดพลาดหนึ่งของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ภายหลังเสร็จศึกเมษา-พฤษภา 2553 สามารถกักตัว “หัวโจกแดง” ได้หลายเดือน แต่สุดท้ายแล้วก่อนการเลือกตั้ง เพียงไม่กี่เดือน “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ตัดสินใจปล่อย “เสือ” เข้าป่า ปล่อย “แกนนำคนเสื้อแดง” ให้ออกมาช่วงหาเสียงพรรคเพื่อไทย

ด้วยการไปอะลุ่มอล่วยไม่คัดค้านการประกันตัว ทั้งที่มีเสียงทักท้วงมาแล้วว่าอาจจะเป็นอุปสรรคได้ เมื่อ “พี่มาร์ค” ตัดสินใจปล่อยตัว “แกนนำคนเสื้อแดง” ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ “แพ้” การเลือกตั้ง

บทเรียนตรงนี้ “บิ๊กตู่” รู้ดี ยิ่งสถานการณ์ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางที่ “บิ๊กตู่” จะยอมใจอ่อน-อ่อนใจ ปล่อย “แกนนำคนเสื้อแดง” เป็นอันขาด

และดูเหมือน “บิ๊กตู่” จะมีท่าทีแข็งกร้าวกับทุกกลุ่ม-ทุกคน ที่ยังมีแนวคิด-ความคิด ที่จะออกมาต่อต้าน “รัฐประหาร” ด้วยการสั่งติดตามความเคลื่อนไหว “สื่อมวลชน” ทุกสื่ออย่างไม่ลดละสายตา

กรณี “ประวิตร โรจนพฤกษ์” ผู้สื่อข่าวสังกัดกองบรรณาธิการเดอะเนชั่น แม้จะเป็นความเห็นของ “สื่อ” แค่คนเดียว คสช.ก็ไม่อาจจะละเว้นได้ เพราะเกรงว่าไฟจะลามทุ่ง

จุดติดขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่ง

และที่แจ็กพอตแตกไม่แพ้ใครเพื่อนหนีไม่พ้น “แทนคุณ จิตต์อิสระ” ที่ออกมาทำตัวเป็นพระเอกต่อต้าน “รัฐประหาร” ไม่ทันข้ามคืน โดน คสช.เรียกเข้ามาติวเข้มทันที ไม่ปล่อยทิ้งเชื้อเอาไว้ให้รอฝักไข่กันเลย

“บิ๊กตู่” พูดชัดเจนว่า “สื่อต้องไม่ขยายความขัดแย้ง facebook ที่มีคนคอมเม้นทะเลาะกัน จะสั่งปิด ส่วนสื่อให้อยู่นิ่งถึงเวลาสมาคมนักข่าวฯ ก็ช่วยไม่ได้”

น้ำเสียง “บิ๊กตู่” แข็งกร้าวเอาจริง นาทีนี้หากมี “สื่อมวลชน” หัวหน้าไหน-ฉบับไหน-ช่องไหน กล้าแหลมต่อต้าน “รัฐประหาร” มีหวังโดนปิดแน่นอน

ส่วนรายชื่อบุคคลที่ “คสช.” เรียกรายงานตัว หากใครเปรี้ยวผิดนัด “คสช.” มีหวังโดนเล่นงานหนัก เหมือนกรณีของ “จาตุรนต์ ฉายแสง-จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” แม้จะเคยเรืองอำนาจมากมายแค่ไหน แต่อย่าลืมว่ายุคนี้ “ทหาร” ครองเมือง

มาตรการขั้นแรก “จาตุรนต์-จารุพงศ์” โดนอายัดธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด หมดสิทธิช่วยพรรคพวกเครือข่ายแดงเคลื่อนไหวแน่นอน โดยเฉพาะ “จาตุรนต์” ที่มีความสนิทชิดเชื้อกับ “แดงวิชาการ” หลายคน เพราะเคยทำงานในการป้องป้อง “เพื่อไทย” ด้วยกันมาตลอด

หนำซ้ำ “จาตุรนต์-จารุพงศ์” ยังต้องโดน “คสช.” เล่นงานต่อในข้อหาที่หนักขึ้น แถมยังเล่นงานในชั้นของ “ศาลทหาร” ซึ่งเป็น “ศาลเดียว” ตัดสินทีเดียวจบ ไม่มีอุทธรณ์-ไม่มีฎีกาให้เสียเวลา

เส้นทางชีวิต “จาตุรนต์-จารุพงศ์” ในทางการเมืองคงจบไปแล้ว ส่วนเส้นทางชีวิตคงเสียวสันหลังน่าดู

หลังจากนี้ต้องจับตาว่า คสช.จะสกัดขบวนการที่เคลื่อนไหวท้าทายอำนาจอย่างไร เพราะหากปล่อยให้ขบวนการขวางชาติยังมีลมหายใจอยู่ในแผ่นดินไทย มีหวังสักวันหนึ่งต้องกลับเข้าสู่วังวนเดิม

ภารกิจหลักของ “บิ๊กตู่” ที่ต้องล้างสีเสื้อ-ปฏิรูปบ้านเมือง เพื่อนับหนึ่งกันใหม่ทั้งหมด แล้วก้าวเดินไปพร้อมๆกัน โดยเริ่มจากปฏิบัติการกรอกยาแรง “หัวโจกแดง” ทั้งหลาย หวังสะกดพวกที่ซ่าไม่เลิกให้รู้ว่าบ้านเมืองนี้ใครคุม
จาตุรนต์ ฉายแสง
ม็อบต่อต้าน คสช.ที่ย่านอัมรินทร์พลาซ่า
กำลังโหลดความคิดเห็น