xs
xsm
sm
md
lg

ขบวนการ “ไม่เอา” รัฐประหาร ลองของ “คสช.” จะร้อนแรงขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ในวงการกีฬามีคำพูดอมตะประโยคหนึ่งว่า “เป็นแชมป์ว่ายากแล้ว แต่รักษาแชมป์ยากกว่า” เฉกเช่นเดียวกับวงการการเมืองก็บอกเช่นกันว่า การได้มาซึ่งอำนาจยากแล้ว แต่การประคองและรักษาอำนาจไว้ให้อยู่ได้นานและมั่นคง...ยากกว่าหลายเท่า

คำกล่าวนี้กำลังเริ่มเกิดขึ้นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่บริหารอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในประเทศไทยมา 5 วันเต็มๆแล้ว โดยตอนนี้กำลังใช้อำนาจดังกล่าวผ่านคำสั่งต่างๆ ของ คสช.ที่ทยอยออกมาต่อเนื่องทุกวัน

หลายคำสั่งเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย โดยเฉพาะคำสั่งจัดทัพข้าราชการระดับสูงที่กำลังเริ่มไล่จากหน่วยงานความมั่นคงในกองทัพ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคงมีอีกหลายแห่งตามมาหลังจากนี้ เช่น กระทรวงมหาดไทย

แน่นอนว่า ของแบบนี้มีคนได้ประโยชน์ก็ต้องมีคนเสียประโยชน์ ไม่พอใจเพราะสูญเสียอำนาจ แล้วพวกที่กำลังโดน คสช.ไล่เช็กบิล ก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น ตอนนี้ยังตั้งตัวกันไม่ติด แต่วันข้างหน้าฝุ่นหายตลบ

“พวกเสียอำนาจ” ทั้งหลายในระบอบทักษิณรวมกลุ่มจับมือกันติดเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์-คสช.เจอการตอบโต้เต็มรูปแบบแน่นอน


แค่ตอนนี้ก็พบว่า การบริหารอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มมีเค้าลางจะเจอปัญหาเสียแล้ว เมื่อ “แนวต้าน คสช.” เริ่มปรากฏตัวออกมาให้เห็นแล้ว กับการที่มีกลุ่มประชาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อคัดค้านรัฐประหาร-เรียกร้องประชาธิปไตยกันในกรุงเทพมหานคร ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เริ่มกันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 พ.ค. มาจนถึงวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค. ทั้งที่อยู่ในช่วงที่ คสช.ยังคงมีกฎอัยการศึก และห้ามการชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

อย่างเช่น ที่มีการไปเคลื่อนไหวกันที่บริเวณสกายวอล์ก หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน หรือการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไปรวมตัวด้านหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหาร และมีการเคลื่อนขบวนไปยังบางจุดในกรุงเทพฯ

การแสดงออกเช่นนี้เป็นการทำให้เห็นแล้วว่าประชาชนไม่กลัวอำนาจ คสช. และก็พร้อมจะแสดงออกถึงการไม่ยอมรับรัฐประหารครั้งนี้ แม้จะเป็นแค่ประชาชนกลุ่มเล็กๆ ประมาณไม่เกิน 300 คน

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า การเคลื่อนไหวการเมือง-การแสดงออกของประชาชนเรื่อง “ปริมาณ” คือจำนวนผู้เข้าร่วมการเคลื่อนไหว ไม่สำคัญเท่า “เนื้อหาในการแสดงออก” หาก พล.อ.ประยุทธ์-คสช.ประมาท เพิกเฉย นิ่งดูดาย ไม่ทำความเข้าใจกับความรู้สึกประชาชน และไม่เรียนรู้สถานการณ์ก็มีสิทธิ์อาจพลาดได้ ถ้าประมาทว่าเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ

เพราะมันมีตัวอย่างปรากฏให้เห็นหลายครั้งทั้งในไทยและทั่วโลก ว่าการเคลื่อนไหวการเมืองของประชาชน ขอเพียงให้มีคนนำและมีประเด็นในการเคลื่อนไหว ถ้าอารมณ์และสถานการณ์พาไป โอกาสชนะหรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นได้แน่นอน

ดูตัวอย่างง่ายๆ กว่าจะมาเป็นมวลมหาประชาชน-กปปส.ก่อนหน้านี้ได้ ก็ต้องไม่ลืมว่ามันมีการพ่มเบาะอารมณ์ความรู้สึกกันมาจากจุดเล็กๆ ก่อน เช่น การเคลื่อนไหวของม็อบ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ “เสธ.อ้าย” ที่เรียกว่าม็อบสนามม้านางเลิ้ง แล้วก็มาเป็น “หน้ากากขาว”

ตอนนัดหมายแรกๆ ก็มีแค่คนหลักร้อย แต่นานเข้าก็เริ่มมาหลายพันจนเกือบจะถึงหลักหมื่น จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ มาเป็นกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) ที่เรียกว่าม็อบสวนลุมฯ จนมาเป็นเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่อุรุพงษ์ แต่สุดท้ายก็มาจุดติดกลายเป็นมวลชนขนาดใหญ่จากเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม จนมาเป็น กปปส.ในที่สุด

การเคลื่อนไหวภาคประชาชนเพื่อไล่ระบอบทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มาจากหลักร้อยทั้งสิ้น เติบโตมาจากการเคลื่อนไหวผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ที่รณรงค์กันให้ออกมาต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วก็ขยายตัวไปเรื่อยๆ มีแนวร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพอมีพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็เปิดตัวมาร่วมแจมเต็มที่ในบางโอกาส จนสุดท้ายก็เป็นเจ้าภาพใหญ่เองในการไล่รัฐบาลโดยใช้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นประเด็นรวมพลัง

แล้วถามว่า ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย จะไม่ทำแบบที่ประชาธิปัตย์ทำบ้างหรือ ในอนาคตกับการรับบทสนับสนุนช่วยเหลือการเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อขับไล่-โค่นล้ม พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลทหารในอนาคตยิ่ง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า มีเครือข่าย กลไกการเมือง-การเงินหนา และมากกว่าประชาธิปัตย์กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ หลายเท่า แถมมีกองกำลังมวลชนที่พร้อมจะออกมาในอนาคตอย่าง นปช.-เสื้อแดง เพียงแต่รอจังหวะเวลาเท่านั้น

แรงต่อต้านที่กำลังเริ่มเห็นเค้าลาง เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีแผนเตรียมรับมือไว้หมดแล้ว แต่แผนดังกล่าวหากถึงคราวนำมาใช้ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ตรงนี้หลายคนก็เป็นห่วง เพราะด้วยบุคลิกเด็ดขาด ของ “บิ๊กตู่”หากกลุ่มต้านแรงมาแล้ว “บิ๊กตู่”แรงกลับ มันก็เข้าทาง ทักษิณ-เพื่อไทย

ถ้าผลเป็นแบบนั้น พล.อ.ประยุทธ์-คสช. อาจพ้นจากอำนาจแบบไม่สวย!

เพราะเวลานี้เริ่มจับสัญญาณการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านต่างๆ ผ่านโลกโซเชียมีเดียที่เป็นช่องทางการสื่อสารหลักของผู้คนในเวลานี้ได้ชัดเจนแล้วว่า หลายคนไม่หยุดง่ายๆ จะมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพียงแต่จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป มีการแลกเปลี่ยนความเห็นและข้อมูลข่าวสารกับผ่านเว็บไซต์เสื้อแดง-เพจเสื้อแดง-เพจสนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งเพจและเว็บไซต์เหล่านี้ก็มีอยู่ก่อนหน้ารัฐประหารอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวว่าได้มีการเปิดเพจต่อต้านรัฐประหาร กันขึ้นมาอีกหลายเพจ เพื่อสร้างเครือข่ายต้านรัฐประหารกันให้มากที่สุด โดยมีการสื่อสารนัดหมายกันด้วยข้อความส่งต่อทางโลกออนไลน์

ข้อความเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น “ถ้าคุณเห็นว่ารัฐประหารไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย ห้าโมงเย็นทุกวันเจอกันหน้าหอศิลป์ กทม.” นอกจากนี้ก็พบว่า กลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวก็จะใช้วิธีการเคลื่อนไหวแบบใช้สัญลักษณ์เพื่อให้ง่ายกับสื่อสาร โดยเฉพาะการเรียกร้องความสนใจจากสื่อสื่อตะวันตก ที่ไม่ค่อยเข้าใจการเมืองไทย พวกนี้ก็จะให้น้ำหนักและพื้นที่ข่าวกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ

อย่างที่เห็นแล้วก็เช่น บอกว่าออกมาเรียกร้องตามหา “นกพิราบ” สัญลักษณ์ของเสรีภาพและประชาธิปไตย อันเป็นการพยายามจะบอกว่าเวลานี้ประเทศไทยไม่มีเสรีภาพและประชาธิปไตย หรือนัดเคลื่อนไหวในสถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางการทหาร และการเมือง อาทิ หน้ากระทรวงกลาโหม เป็นต้น

โดยคนที่อยู่ในกลุ่มที่ก็ต้องยอมรับกันว่ามีทั้งพลังบริสุทธิ์ คือไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารจริงๆ เป็นนักประชาธิปไตยเต็มตัว อันนี้ก็ต้องยอมรับ และชื่นชมในการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ ถือเป็นความตื่นตัวของประชาชน ที่จะมีผลดีในระยะยาวกับประชาธิปไตยไทย

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีพวก “จัดตั้ง” ที่เป็นคนของเพื่อไทย และ “เสื้อแดง” ที่แฝงตัวทำเนียน อยู่ในกลุ่มนี้ เพราะในโลกโซเชียลมีเดียมันตรวจสอบได้ยากว่าใครเป็นพลังบริสุทธิ์ หรือกลุ่มจัดตั้งทางการเมือง แต่เชื่อว่าฝ่ายนี้คงไม่หยุดง่ายๆ จะเน้นเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างกระแสต้านรัฐประหาร และชิงพื้นที่สื่อจนกว่าสถานการณ์จะพร้อมมากกว่านี้ เช่นทำให้เกิดเครือข่ายกลุ่มต่างๆ ได้จำนวนมาก ก็จะมีการเปิดตัวชนกับ คสช.แน่นอน

เหมือนกับที่หลัง 19 ก.ย. 49 ก็เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ อย่างกลุ่ม 19ก.ย.ไม่เอารัฐประหาร จนกลายมาเป็น กลุ่มนปก. แล้วก็มาเป็น นปช.-เสื้อแดงในที่สุด โมเดลนี้อาจได้เห็นอีกครั้ง กับการต่อต้านรัฐประหาร 22 พ.ค. 57

ท่ามกลางกระแสข่าวฝ่ายทักษิณและคนในพรรคเพื่อไทยบางส่วนที่ไม่ถูก คสช.เรียกไปรายงานตัว และกักตัวไว้ จะขอเวลาตั้งหลักรอดูสถานการณ์สักระยะก่อน โดยจะไม่ให้คนของเพื่อไทยและฝ่ายนปช.ไปร่วมเคลื่อนไหวอะไรกับประชาชนที่ออกมาคัดค้านรัฐประหาร เพื่อให้การเคลื่อนไหวรวมตัวต่างๆ ภาพออกมาว่าเป็นความรู้สึกของประชาชนในประเทศจริงๆ ที่ไม่ยอมรับการรัฐประหาร ทำให้คนทั่วโลกเห็นว่า นี้คือพลังบริสุทธิ์ของประชาชน ที่ต้องการประชาธิปไตย ไม่ใช่การจัดตั้งของรัฐบาลเพื่อไทย และนปช.

แต่ก็ปรากฏว่าคนที่ไปร่วมเคลื่อนไหวต้านรัฐประหาร ในบางจุดมีการตรวจสอบกันในโลกออนไลน์ พบว่าคนที่ไปร่วมชุมนุมก็คือพวกเสื้อแดงแปลงร่างนั่นเอง

ส่วนแผนต่อต้าน-รบกับ คสช.ของทักษิณ-เพื่อไทย และเสื้อแดง จะพัฒนาไปมากกว่านี้ เช่น สั่งรบใต้ดินเพื่อป่วนการทำงานของ คสช. หรือตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น อะไรต่างๆ ยังคงต้องรอดูอย่ากะพริบตา
กำลังโหลดความคิดเห็น