ในวงการกีฬามีคำพูดอมตะประโยคหนึ่งว่า “เป็นแชม์ปว่ายากแล้ว-แต่รักษาแชมป์ยากกว่า”เฉกเช่นเดียวกับวงการการเมืองก็บอกเช่นกันว่า การได้มาซึ่งอำนาจยากแล้ว แต่การประคองและรักษาอำนาจไว้ให้อยู่ได้นานและมั่นคง ยากกว่าหลายเท่า
คำกล่าวนี้ กำลังเริ่มเกิดขึ้นกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่บริหารอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในประเทศไทยมา 5 วันเต็มๆแล้ว โดยตอนนี้กำลังใช้อำนาจดังกล่าวผ่านคำสั่งต่างๆ ของคสช. ที่ทยอยออกมาต่อเนื่องทุกวัน
หลายคำสั่งเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย โดยเฉพาะคำสั่งจัดทัพข้าราชการระดับสูงที่กำลังเริ่มไล่จากหน่วยงานความมั่นคงในกองทัพ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคงมีอีกหลายแห่งตามมาหลังจากนี้ เช่น กระทรวงมหาดไทย
แน่นอนว่า ของแบบนี้ มีคนได้ประโยชน์ ก็ต้องมีคนเสียประโยชน์ ไม่พอใจ เพราะสูญเสียอำนาจ แล้วพวกที่กำลังโดนคสช.ไล่เช็กบิล ก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น ตอนนี้ยังตั้งตัวกันไม่ติด แต่วันข้างหน้าฝุ่นหายตลบ
“พวกเสียอำนาจ”ทั้งหลายในระบอบทักษิณรวมกลุ่มจับมือกันติดเมื่อไหร่ พลเอกประยุทธ์-คสช.เจอการตอบโต้เต็มรูปแบบแน่นอน
แค่ตอนนี้ก็พบว่า การบริหารอำนาจของพลเอกประยุทธ์ เริ่มมีเค้าลางจะเจอปัญหาเสียแล้ว เมื่อ “แนวต้าน คสช.”เริ่มปรากฏตัวออกมาให้เห็นแล้ว กับการที่มีกลุ่มประชาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อคัดค้านรัฐประหาร-เรียกร้องประชาธิปไตยกันในกรุงเทพมหานคร ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เริ่มกันตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 23 พ.ค. มาจนถึงวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค. ทั้งที่อยู่ในช่วงที่คสช. ยังคงมีกฎอัยการศึก และห้ามการชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
อย่างเช่น ที่มีการไปเคลื่อนไหวกันที่ บริเวณสกายวอล์ก หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน หรือการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่ไปรวมตัวด้านหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหาร และมีการเคลื่อนขบวนไปยังบางจุดในกรุงเทพฯ
การแสดงออกเช่นนี้ เป็นการทำให้เห็นแล้วว่า ประชาชนไม่กลัวอำนาจคสช. และก็พร้อมจะแสดงออกถึงการไม่ยอมรับรัฐประหารครั้งนี้ แม้จะเป็นแค่ประชาชนกลุ่มเล็กๆ ประมาณไม่เกิน 300 คน
ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมว่า การเคลื่อนไหวการเมือง-การแสดงออกของประชาชนเรื่อง “ปริมาณ” คือจำนวนผู้เข้าร่วมการเคลื่อนไหว ไม่สำคัญเท่า “เนื้อหาในการแสดงออก”หากพลเอกประยุทธ์-คสช.ประมาท เพิกเฉย นิ่งดูดาย ไม่ทำความเข้าใจกับความรู้สึกประชาชน และไม่เรียนรู้สถานการณ์ก็มีสิทธิ์อาจพลาดได้ ถ้าประมาทว่าเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ
เพราะมันมีตัวอย่างปรากฏให้เห็นหลายครั้งทั้งในไทยและทั่วโลก ว่าการเคลื่อนไหวการเมืองของประชาชน ขอเพียงให้มีคนนำและมีประเด็นในการเคลื่อนไหว ถ้าอารมณ์และสถานการณ์พาไป โอกาสชนะหรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นได้แน่นอน
ดูตัวอย่างง่ายๆ กว่าจะมาเป็นมวลมหาประชาชน-กปปส.ก่อนหน้านี้ได้ ก็ต้องไม่ลืมว่ามันมีการพ่มเบาะอารมณ์ความรู้สึกกันมาจากจุดเล็กๆ ก่อน เช่น การเคลื่อนไหวของม็อบ พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ “เสธ.อ้าย” ที่เรียกว่าม็อบสนามม้านางเลิ้ง แล้วก็มาเป็น“หน้ากากขาว”
ตอนนัดหมายแรกๆ ก็มีแค่คนหลักร้อย แต่นานเข้าก็เริ่มมาหลายพันจนเกือบจะถึงหลักหมื่น จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ มาเป็นกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) ที่เรียกว่าม็อบสวนลุมฯ จนมาเป็นเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่อุรุพงษ์แต่สุดท้ายก็มาจุดติด กลายเป็นมวลชนขนาดใหญ่จากเรื่อง กฎหมายนิรโทษกรรม จนมาเป็น กปปส.ในที่สุด
การเคลื่อนไหวภาคประชาชนเพื่อไล่ระบอบทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มาจากหลักร้อยทั้งสิ้น เติบโตมาจากการเคลื่อนไหวผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ที่รณรงค์กันให้ออกมาต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วก็ขยายตัวไปเรื่อยๆ มีแนวร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพอมีพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็เปิดตัวมาร่วมแจมเต็มที่ในบางโอกาส จนสุดท้ายก็เป็นเจ้าภาพใหญ่เองในการไล่รัฐบาลโดยใช้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นประเด็นรวมพลัง
แล้ว ถามว่า ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย จะไม่ทำแบบที่ประชาธิปัตย์ทำบ้างหรือ ในอนาคตกับการรับบทสนับสนุนช่วยเหลือการเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อขับไล่-โค่นล้ม พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลทหารในอนาคตยิ่ง “ทักษิณ-เพื่อไทย”ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า มีเครือข่าย กลไกการเมือง-การเงินหนา และมากกว่าประชาธิปัตย์กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ หลายเท่า แถมมีกองกำลังมวลชนที่พร้อมจะออกมาในอนาคตอย่าง นปช.-เสื้อแดง เพียงแต่รอจังหวะเวลาเท่านั้น
แรงต่อต้านที่กำลังเริ่มเห็นเค้าลาง เชื่อว่า พลเอกประยุทธ์ มีแผนเตรียมรับมือไว้หมดแล้ว แต่แผนดังกล่าวหากถึงคราวนำมาใช้ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ตรงนี้หลายคนก็เป็นห่วง เพราะด้วยบุคลิกเด็ดขาด ของ “บิ๊กตู่”หากกลุ่มต้านแรงมาแล้ว “บิ๊กตู่”แรงกลับ มันก็เข้าทาง ทักษิณ-เพื่อไทย
ถ้าผลเป็นแบบนั้น พลเอกประยุทธ์-คสช. อาจพ้นจากอำนาจแบบไม่สวย !!!
เพราะเวลานี้เริ่มจับสัญญาณการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านต่างๆ ผ่านโลกโซเชียมีเดียที่เป็นช่องทางการสื่อสารหลักของผู้คนในเวลานี้ได้ชัดเจนแล้วว่า หลายคนไม่หยุดง่ายๆ จะมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพียงแต่จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป มีการแลกเปลี่ยนความเห็นและข้อมูลข่าวสารกับผ่านเว็บไซต์เสื้อแดง -เพจเสื้อแดง –เพจสนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งเพจและเว็บไซต์เหล่านี้ก็มีอยู่ก่อนหน้ารัฐประหารอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวว่าได้มีการเปิดเพจต่อต้านรัฐประหาร กันขึ้นมาอีกหลายเพจ เพื่อสร้างเครือข่ายต้านรัฐประหารกันให้มากที่สุด โดยมีการสื่อสารนัดหมายกันด้วยข้อความส่งต่อทางโลกออนไลน์
ข้อความเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น “ถ้าคุณเห็นว่ารัฐประหารไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย ห้าโมงเย็นทุกวันเจอกันหน้าหอศิลป์ กทม.” นอกจากนี้ก็พบว่า กลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวก็จะใช้วิธีการเคลื่อนไหวแบบใช้สัญลักษณ์เพื่อให้ง่ายกับสื่อสาร โดยเฉพาะการเรียกร้องความสนใจจากสื่อสื่อตะวันตก ที่ไม่ค่อยเข้าใจการเมืองไทย พวกนี้ก็จะให้น้ำหนักและพื้นที่ข่าวกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ
อย่างที่เห็นแล้วก็เช่น บอกว่าออกมาเรียกร้องตามหา “นกพิราบ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและประชาธิปไตย อันเป็นการพยายามจะบอกว่า เวลานี้ประเทศไทยไม่มีเสรีภาพและประชาธิปไตย หรือนัดเคลื่อนไหวในสถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางการทหาร และการเมือง อาทิหน้ากระทรวงกลาโหม เป็นต้น
โดยคนที่อยู่ในกลุ่มที่ก็ต้องยอมรับกันว่า มีทั้งพลังบริสุทธิ์ คือ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารจริงๆ เป็นนักประชาธิปไตยเต็มตัว อันนี้ก็ต้องยอมรับ และชื่นชมในการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ ถือเป็นความตื่นตัวของประชาชน ที่จะมีผลดีในระยะยาวกับประชาธิปไตยไทย
แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีพวก"จัดตั้ง" ที่เป็นคนของเพื่อไทย และเสื้อแดงที่แฝงตัวทำเนียน อยู่ในกลุ่มนี้ เพราะในโลกโซเชียลมีเดีย มันตรวจสอบได้ยาก ว่าใครเป็นพลังบริสุทธิ์ หรือกลุ่มจัดตั้งทางการเมือง แต่เชื่อว่าฝ่ายนี้คงไม่หยุดง่ายๆ จะเน้นเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างกระแสต้านรัฐประหาร และชิงพื้นที่สื่อจนกว่าสถานการณ์จะพร้อมมากกว่านี้ เช่นทำให้เกิดเครือข่ายกลุ่มต่างๆ ได้จำนวนมาก ก็จะมีการเปิดตัวชนกับ คสช. แน่นอน
เหมือนกับที่หลัง 19 ก.ย. 49 ก็เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ อย่าง กลุ่ม 19ก.ย.ไม่เอารัฐประหาร จนกลายมาเป็น กลุ่มนปก. แล้วก็มาเป็น นปช.-เสื้อแดงในที่สุด โมเดลนี้ อาจได้เห็นอีกครั้ง กับการต่อต้านรัฐประหาร 22 พ.ค. 57
ท่ามกลางกระแสข่าวฝ่ายทักษิณและคนในพรรคเพื่อไทยบางส่วนที่ไม่ถูก คสช.เรียกไปรายงานตัว และกักตัวไว้ จะขอเวลาตั้งหลักรอดูสถานการณ์สักระยะก่อน โดยจะไม่ให้คนของเพื่อไทยและฝ่ายนปช.ไปร่วมเคลื่อนไหวอะไรกับประชาชนที่ออกมาคัดค้านรัฐประหาร เพื่อให้การเคลื่อนไหวรวมตัวต่างๆ ภาพออกมาว่าเป็นความรู้สึกของประชาชนในประเทศจริงๆ ที่ไม่ยอมรับการรัฐประหาร ทำให้คนทั่วโลกเห็นว่า นี้คือพลังบริสุทธิ์ของประชาชน ที่ต้องการประชาธิปไตย ไม่ใช่การจัดตั้งของรัฐบาลเพื่อไทย และนปช.
แต่ก็ปรากฏว่า คนที่ไปร่วมเคลื่อนไหวต้านรัฐประหาร ในบางจุดมีการตรวจสอบกันในโลกออนไลน์ พบว่าคนที่ไปร่วมชุมนุม ก็คือพวกเสื้อแดงแปลงร่างนั่นเอง
ส่วนแผนต่อต้าน-รบกับคสช. ของทักษิณ-เพื่อไทย และเสื้อแดงจะพัฒนาไปมากกว่านี้ เช่น สั่งรบใต้ดินเพื่อป่วนการทำงานของ คสช. หรือตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น อะไรต่างๆ ยังคงต้องรอดู อย่ากระพริบตา
คำกล่าวนี้ กำลังเริ่มเกิดขึ้นกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่บริหารอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในประเทศไทยมา 5 วันเต็มๆแล้ว โดยตอนนี้กำลังใช้อำนาจดังกล่าวผ่านคำสั่งต่างๆ ของคสช. ที่ทยอยออกมาต่อเนื่องทุกวัน
หลายคำสั่งเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย โดยเฉพาะคำสั่งจัดทัพข้าราชการระดับสูงที่กำลังเริ่มไล่จากหน่วยงานความมั่นคงในกองทัพ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคงมีอีกหลายแห่งตามมาหลังจากนี้ เช่น กระทรวงมหาดไทย
แน่นอนว่า ของแบบนี้ มีคนได้ประโยชน์ ก็ต้องมีคนเสียประโยชน์ ไม่พอใจ เพราะสูญเสียอำนาจ แล้วพวกที่กำลังโดนคสช.ไล่เช็กบิล ก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น ตอนนี้ยังตั้งตัวกันไม่ติด แต่วันข้างหน้าฝุ่นหายตลบ
“พวกเสียอำนาจ”ทั้งหลายในระบอบทักษิณรวมกลุ่มจับมือกันติดเมื่อไหร่ พลเอกประยุทธ์-คสช.เจอการตอบโต้เต็มรูปแบบแน่นอน
แค่ตอนนี้ก็พบว่า การบริหารอำนาจของพลเอกประยุทธ์ เริ่มมีเค้าลางจะเจอปัญหาเสียแล้ว เมื่อ “แนวต้าน คสช.”เริ่มปรากฏตัวออกมาให้เห็นแล้ว กับการที่มีกลุ่มประชาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อคัดค้านรัฐประหาร-เรียกร้องประชาธิปไตยกันในกรุงเทพมหานคร ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เริ่มกันตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 23 พ.ค. มาจนถึงวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค. ทั้งที่อยู่ในช่วงที่คสช. ยังคงมีกฎอัยการศึก และห้ามการชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
อย่างเช่น ที่มีการไปเคลื่อนไหวกันที่ บริเวณสกายวอล์ก หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน หรือการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่ไปรวมตัวด้านหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหาร และมีการเคลื่อนขบวนไปยังบางจุดในกรุงเทพฯ
การแสดงออกเช่นนี้ เป็นการทำให้เห็นแล้วว่า ประชาชนไม่กลัวอำนาจคสช. และก็พร้อมจะแสดงออกถึงการไม่ยอมรับรัฐประหารครั้งนี้ แม้จะเป็นแค่ประชาชนกลุ่มเล็กๆ ประมาณไม่เกิน 300 คน
ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมว่า การเคลื่อนไหวการเมือง-การแสดงออกของประชาชนเรื่อง “ปริมาณ” คือจำนวนผู้เข้าร่วมการเคลื่อนไหว ไม่สำคัญเท่า “เนื้อหาในการแสดงออก”หากพลเอกประยุทธ์-คสช.ประมาท เพิกเฉย นิ่งดูดาย ไม่ทำความเข้าใจกับความรู้สึกประชาชน และไม่เรียนรู้สถานการณ์ก็มีสิทธิ์อาจพลาดได้ ถ้าประมาทว่าเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ
เพราะมันมีตัวอย่างปรากฏให้เห็นหลายครั้งทั้งในไทยและทั่วโลก ว่าการเคลื่อนไหวการเมืองของประชาชน ขอเพียงให้มีคนนำและมีประเด็นในการเคลื่อนไหว ถ้าอารมณ์และสถานการณ์พาไป โอกาสชนะหรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นได้แน่นอน
ดูตัวอย่างง่ายๆ กว่าจะมาเป็นมวลมหาประชาชน-กปปส.ก่อนหน้านี้ได้ ก็ต้องไม่ลืมว่ามันมีการพ่มเบาะอารมณ์ความรู้สึกกันมาจากจุดเล็กๆ ก่อน เช่น การเคลื่อนไหวของม็อบ พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ “เสธ.อ้าย” ที่เรียกว่าม็อบสนามม้านางเลิ้ง แล้วก็มาเป็น“หน้ากากขาว”
ตอนนัดหมายแรกๆ ก็มีแค่คนหลักร้อย แต่นานเข้าก็เริ่มมาหลายพันจนเกือบจะถึงหลักหมื่น จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ มาเป็นกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) ที่เรียกว่าม็อบสวนลุมฯ จนมาเป็นเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่อุรุพงษ์แต่สุดท้ายก็มาจุดติด กลายเป็นมวลชนขนาดใหญ่จากเรื่อง กฎหมายนิรโทษกรรม จนมาเป็น กปปส.ในที่สุด
การเคลื่อนไหวภาคประชาชนเพื่อไล่ระบอบทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มาจากหลักร้อยทั้งสิ้น เติบโตมาจากการเคลื่อนไหวผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ที่รณรงค์กันให้ออกมาต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วก็ขยายตัวไปเรื่อยๆ มีแนวร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพอมีพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็เปิดตัวมาร่วมแจมเต็มที่ในบางโอกาส จนสุดท้ายก็เป็นเจ้าภาพใหญ่เองในการไล่รัฐบาลโดยใช้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นประเด็นรวมพลัง
แล้ว ถามว่า ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย จะไม่ทำแบบที่ประชาธิปัตย์ทำบ้างหรือ ในอนาคตกับการรับบทสนับสนุนช่วยเหลือการเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อขับไล่-โค่นล้ม พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลทหารในอนาคตยิ่ง “ทักษิณ-เพื่อไทย”ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า มีเครือข่าย กลไกการเมือง-การเงินหนา และมากกว่าประชาธิปัตย์กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ หลายเท่า แถมมีกองกำลังมวลชนที่พร้อมจะออกมาในอนาคตอย่าง นปช.-เสื้อแดง เพียงแต่รอจังหวะเวลาเท่านั้น
แรงต่อต้านที่กำลังเริ่มเห็นเค้าลาง เชื่อว่า พลเอกประยุทธ์ มีแผนเตรียมรับมือไว้หมดแล้ว แต่แผนดังกล่าวหากถึงคราวนำมาใช้ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ตรงนี้หลายคนก็เป็นห่วง เพราะด้วยบุคลิกเด็ดขาด ของ “บิ๊กตู่”หากกลุ่มต้านแรงมาแล้ว “บิ๊กตู่”แรงกลับ มันก็เข้าทาง ทักษิณ-เพื่อไทย
ถ้าผลเป็นแบบนั้น พลเอกประยุทธ์-คสช. อาจพ้นจากอำนาจแบบไม่สวย !!!
เพราะเวลานี้เริ่มจับสัญญาณการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านต่างๆ ผ่านโลกโซเชียมีเดียที่เป็นช่องทางการสื่อสารหลักของผู้คนในเวลานี้ได้ชัดเจนแล้วว่า หลายคนไม่หยุดง่ายๆ จะมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพียงแต่จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป มีการแลกเปลี่ยนความเห็นและข้อมูลข่าวสารกับผ่านเว็บไซต์เสื้อแดง -เพจเสื้อแดง –เพจสนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งเพจและเว็บไซต์เหล่านี้ก็มีอยู่ก่อนหน้ารัฐประหารอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวว่าได้มีการเปิดเพจต่อต้านรัฐประหาร กันขึ้นมาอีกหลายเพจ เพื่อสร้างเครือข่ายต้านรัฐประหารกันให้มากที่สุด โดยมีการสื่อสารนัดหมายกันด้วยข้อความส่งต่อทางโลกออนไลน์
ข้อความเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น “ถ้าคุณเห็นว่ารัฐประหารไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย ห้าโมงเย็นทุกวันเจอกันหน้าหอศิลป์ กทม.” นอกจากนี้ก็พบว่า กลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวก็จะใช้วิธีการเคลื่อนไหวแบบใช้สัญลักษณ์เพื่อให้ง่ายกับสื่อสาร โดยเฉพาะการเรียกร้องความสนใจจากสื่อสื่อตะวันตก ที่ไม่ค่อยเข้าใจการเมืองไทย พวกนี้ก็จะให้น้ำหนักและพื้นที่ข่าวกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ
อย่างที่เห็นแล้วก็เช่น บอกว่าออกมาเรียกร้องตามหา “นกพิราบ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและประชาธิปไตย อันเป็นการพยายามจะบอกว่า เวลานี้ประเทศไทยไม่มีเสรีภาพและประชาธิปไตย หรือนัดเคลื่อนไหวในสถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางการทหาร และการเมือง อาทิหน้ากระทรวงกลาโหม เป็นต้น
โดยคนที่อยู่ในกลุ่มที่ก็ต้องยอมรับกันว่า มีทั้งพลังบริสุทธิ์ คือ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารจริงๆ เป็นนักประชาธิปไตยเต็มตัว อันนี้ก็ต้องยอมรับ และชื่นชมในการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ ถือเป็นความตื่นตัวของประชาชน ที่จะมีผลดีในระยะยาวกับประชาธิปไตยไทย
แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีพวก"จัดตั้ง" ที่เป็นคนของเพื่อไทย และเสื้อแดงที่แฝงตัวทำเนียน อยู่ในกลุ่มนี้ เพราะในโลกโซเชียลมีเดีย มันตรวจสอบได้ยาก ว่าใครเป็นพลังบริสุทธิ์ หรือกลุ่มจัดตั้งทางการเมือง แต่เชื่อว่าฝ่ายนี้คงไม่หยุดง่ายๆ จะเน้นเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างกระแสต้านรัฐประหาร และชิงพื้นที่สื่อจนกว่าสถานการณ์จะพร้อมมากกว่านี้ เช่นทำให้เกิดเครือข่ายกลุ่มต่างๆ ได้จำนวนมาก ก็จะมีการเปิดตัวชนกับ คสช. แน่นอน
เหมือนกับที่หลัง 19 ก.ย. 49 ก็เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ อย่าง กลุ่ม 19ก.ย.ไม่เอารัฐประหาร จนกลายมาเป็น กลุ่มนปก. แล้วก็มาเป็น นปช.-เสื้อแดงในที่สุด โมเดลนี้ อาจได้เห็นอีกครั้ง กับการต่อต้านรัฐประหาร 22 พ.ค. 57
ท่ามกลางกระแสข่าวฝ่ายทักษิณและคนในพรรคเพื่อไทยบางส่วนที่ไม่ถูก คสช.เรียกไปรายงานตัว และกักตัวไว้ จะขอเวลาตั้งหลักรอดูสถานการณ์สักระยะก่อน โดยจะไม่ให้คนของเพื่อไทยและฝ่ายนปช.ไปร่วมเคลื่อนไหวอะไรกับประชาชนที่ออกมาคัดค้านรัฐประหาร เพื่อให้การเคลื่อนไหวรวมตัวต่างๆ ภาพออกมาว่าเป็นความรู้สึกของประชาชนในประเทศจริงๆ ที่ไม่ยอมรับการรัฐประหาร ทำให้คนทั่วโลกเห็นว่า นี้คือพลังบริสุทธิ์ของประชาชน ที่ต้องการประชาธิปไตย ไม่ใช่การจัดตั้งของรัฐบาลเพื่อไทย และนปช.
แต่ก็ปรากฏว่า คนที่ไปร่วมเคลื่อนไหวต้านรัฐประหาร ในบางจุดมีการตรวจสอบกันในโลกออนไลน์ พบว่าคนที่ไปร่วมชุมนุม ก็คือพวกเสื้อแดงแปลงร่างนั่นเอง
ส่วนแผนต่อต้าน-รบกับคสช. ของทักษิณ-เพื่อไทย และเสื้อแดงจะพัฒนาไปมากกว่านี้ เช่น สั่งรบใต้ดินเพื่อป่วนการทำงานของ คสช. หรือตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น อะไรต่างๆ ยังคงต้องรอดู อย่ากระพริบตา