xs
xsm
sm
md
lg

รายงาน: “ประยุทธ์” ผ่าทางตันหนี้ชาวนาโครงการรับจำนำข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

4 วันหลังการยึดอำนาจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เดินเครื่องหาเงินจ่ายชาวนาสำเร็จ 9.2 หมื่นล้านบาทไร้ปัญหา ทะลุข้อจำกัดรัฐบาลรักษาการของพรรคเพื่อไทย 4 หมื่นล้านบาทแรกใช้สภาพคล่อง ธ.ก.ส. อีก 5 หมื่นล้านให้สำนักบริหารหนี้สาธารณะจัดหาจากสถาบันการเงินของรัฐ สร้างรอยยิ้มให้ชาวนา
ชาวนาที่กาฬสินธุ์มารับเงินค่าข้าวที่รัฐบาลเพื่อไทยค้างจ่าย
โครงการรับจำนำข้าวและค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ถือเป็นนโยบายธงของพรรคเพื่อไทยที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 หลังจากที่ส่งคนเสื้อแดงไปก่อเหตุรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2553 จนทำให้มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร และคนเสื้อแดงที่มีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวอยู่ มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ราย และการเผาห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ และเผาศาลากลางจังหวัดต่างๆ ในครั้งนั้น ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนจำนวนไม่น้อย

แต่ด้วยการงัดเอานโยบายประชานิยมประเภทแจกแถมสารพัด ด้วยเงินภาษีของคนไทยทั้งประเทศ ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งด้วยเสียง 265 ที่นั่งกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

การเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวนับเป็นที่จับตาของคนทั้งประเทศ เนื่องจากราคาที่รัฐบาลรับจำนำนั้นเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดโลกอยู่มาก ข้าวขาวรับซื้อที่ 15,000 บาทต่อตัน และข้าวหอมมะลิรับซื้อที่ 20,000 บาทต่อตัน แม้จะมีเสียงทักท้วงจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ หรือผู้ที่อยู่ในวงการค้าข้าวว่าการเดินหน้าในนโยบายนี้ถือเป็นการฝืนกลไกตลาดและอาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมาได้

ทั้งนี้ แนวคิดของพรรคเพื่อไทยคือต้องการคุมปริมาณข้าวในตลาดโลก เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยถือเป็นผู้ส่งออกข้าวอันกดับ 1 ของโลก แม้จะรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่สูงกว่าตลาด แต่เชื่อมั่นว่าการคุมสต๊อกข้าวในประเทศจะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกค่อยๆ ขยับตัวขึ้น จนมาอยู่ในระดับที่เหนือกว่าราคาที่รับซื้อ

แต่ทุกอย่างผิดคาด ผู้ส่งออกข้าวอย่างอินเดียและเวียดนามกลับผ่านพ้นวิกฤตภายใน และสามารถส่งออกได้อีกครั้ง จึงทำให้สมมติฐานเรื่องการคุมสต๊อกข้าวของไทยไม่เป็นไปดั่งหวัง

ขณะที่ชาวนาในประเทศเร่งผลิตข้าวกันทุกพื้นที่ ด้วยถ้อยคำของพรรคเพื่อไทยที่พูดอยู่เสมอว่า “รับจำนำทุกเมล็ด” ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยมีปริมาณข้าวในสต๊อกเพิ่มขึ้นทุกขณะ แถมยังมีเรื่องของการทุจริตของโครงการนี้ตามมาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำเอาข้าวจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิ์ การมีคนของนักการเมืองเข้ามาหาประโยชน์จากโครงการนี้

แม้จะมีเสียงท้วงติงมากขึ้นทุกขณะเมื่อสัญญาณทุกอย่างเริ่มชัดว่า รัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวแน่ ตัวเลขขาดทุนราว 2 แสนล้านบาทต่อฤดูกาลผลิต แต่รัฐบาลเพื่อไทยก็ยังเดินหน้าโครงการนี้ต่อโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านใดๆ

สภาพคล่องของโครงการรับจำนำข้าวเริ่มมีปัญหาจากกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถระบายข้าวในสต๊อกออกไปได้ อันเนื่องมาจากราคาในตลาดโลกต่ำกว่าราคารับซื้อของรัฐบาลมาก การขายข้าวออกไปมากเท่าไหร่ก็จะทำให้ยอดขาดทุนในโครงการนี้เพิ่มมากขึ้น

เมื่อรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการนี้ต่อ ขณะที่ไม่สามารถระบายข้าวออกไปได้ ทำให้โครงการรับจำนำข้าวฤดูกาล 2556/2557 เริ่มค้างจ่ายเงินให้กับชาวนาที่นำเอาข้าวเข้ามาร่วมโครงการตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556

อีกด้านหนึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเดินเกมทางการเมืองด้วยการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ ที่ส่อว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับการเข้ามาครองอำนาจของพรรคเพื่อไทยในอนาคตต่อไป โดยเฉพาะเรื่องของการแก้ไขให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมด จากเดิมที่มีวุฒิสภาที่มาจากการสรรหาส่วนหนึ่ง และที่ผ่านมาวุฒิสภาสรรหาเหล่านี้เป็นก้างขวางคอพรรคเพื่อไทยแทบทุกเรื่อง แต่อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นการจุดชนวนให้คนไทยทั้งประเทศออกมาแสดงพลังคัดค้าน นั่นคือการผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่เนื้อหาหลักเป็นการยกความผิดให้กับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ซึ่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ แม้แต่คนเสื้อแดงที่เป็นกำลังหนุนของพรรคเพื่อไทยก็คัดค้าน

เมื่อผู้คนที่ออกมาเรือนล้านที่มีแกนนำที่ออกมาต่อต้านอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาขับเคลื่อนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องยอมล้มร่างกฎหมายดังกล่าว

แรงกดกันที่พุ่งไปที่พรรคเพื่อไทย ทั้งจากเครือข่ายที่ไม่ต้องการระบอบทักษิณและชาวนาที่เคยเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยมาก่อน ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องประกาศยุบสภาเมื่อ 9 ธันวาคม 2556 และอยู่ในสถานะของรัฐบาลรักษาการมาโดยตลอด

การตัดสินใจยุบสภาของรัฐบาลยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวนามากยิ่งขึ้น ชาวนาไม่น้อยกว่า 10 รายที่เครียดกับการขายข้าวให้รัฐบาลแล้วไม่ได้เงินต้องฆ่าตัวตาย และภายใต้การเป็นรัฐบาลรักษาการ ที่มีข้อจำกัดในเรื่องรัฐธรรมนูญมาตรา 181(3) รัฐบาลรักษาการไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ได้ ทำให้หนี้ในโครงการรับจำนำข้าว 1.3 แสนล้านบาทอยู่ในสถานะหนี้ค้างชำระ แม้จะมีความพยายามหาเงินจากส่วนต่างๆ มาชำระหนี้ชาวนา

สุดท้ายก็ยังเหลือหนี้ที่ค้างชำระกับชาวนาอยู่ 9.2 หมื่นล้านบาท
ชาวนาจังหวัดพิจิตรมารับเงินค่าข้าว
สถานการณ์ทางการเมืองที่เขม็งเกลียว มีโอกาสที่จะเกิดการปะทะกันของมวลชน กปปส. ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ประกาศการต่อสู้ที่ยาวนานจนเข้าเดือนที่ 7 จะจบลงในวันที่ 26 พฤษาคม และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.คนใหม่ปักหลักที่ชานเมืองบนถนนอักษะก็ระดมพลครั้งใหญ่เช่นเดียวกัน

ทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในช่วงเวลาตี 3 ของวันที่ 20 พฤษภาคม พร้อมทั้งเรียกคู่ขัดแย้งเข้ามาหารือเพื่อหาทางออก แต่สุดท้ายไม่สามารถหาข้อยุติได้ ผู้บัญชาการทหารบกจึงตัดสินใจยึดอำนาจจากรัฐบาลเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.30 น.

โดยการตัดสินใจยึดอำนาจและหาทางแก้ปัญหาประเทศของผู้บัญชาการทหารบกนี้ หัวข้อหลักที่มีการกล่าวถึงกันคือต้องการเงินมาจ่ายชาวนาให้ได้ และในช่วงเสาร์และอาทิตย์ 24-25 พฤษภาคม รัฐบาลพรรคเพื่อไทยค้างเงินชาวนาอยู่ 9.2 หมื่นล้านได้ ได้ข้อสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว

เงินส่วนแรก 4 หมื่นล้านบาทจะมาจากการใช้เงินจากสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ส่วนอีกวิธีคือกระทรวงการคลังให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จัดหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน ทั้งที่เป็นธนาคารของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ อีกประมาณ 50,000 ล้านบาท

ทันทีที่ก้าวเข้าสู่วันทำงานจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม เริ่มมีการจ่ายเงินให้กับชาวนาพื้นที่ต่างๆ ได้ ทำให้ชาวนาในหลายจังหวัดยิ้มออก พร้อมๆ กับการตรวจสอบสต๊อกข้าวทั่วประเทศเพื่อเตรียมระบายข้าวออกไป

นับเป็นผลงานชิ้นเอกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เข้ามาแก้ปัญหาให้กับชาวนาเป็นอันดับแรก ข้อติดขัดในอดีตถูกขจัดทิ้งไปอันเนื่องมาจากการยึดอำนาจและไม่ใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 มาเป็นข้อจำกัด อีกทั้ง คสช.มีอำนาจเต็มในการบริหาร ดังนั้น เงินที่นำมาใช้เพื่อการจ่ายหนี้ให้กับชาวนาจึงสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

กำลังโหลดความคิดเห็น