xs
xsm
sm
md
lg

“เสรี” หนุนวุฒิสภา-ทหาร-ตร.-องคมนตรี ถกหานายกฯ คนกลาง “เจษฎ์” ค้านองค์กรอิสระผ่านทางตัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 50 (แฟ้มภาพ)
อดีตรอง ปธ. ส.ส.ร.50 ชี้นักการเมืองไร้จริยธรรมต้นตอปัญหา จวกพวกพูด 2 มาตรฐานไม่เคยสำรวจคำวินิจฉัย ยันปัจจุบันไม่มี ครม. แล้ว ชี้ทางออก วุฒิสภา ทหาร ตำรวจ องคมนตรี คุยกันหานายกฯ คนกลาง ด้านหัวหน้าศูนย์วิจัยข้อมูลการเมืองไทย แนะทำประชามติ ขณะที่อดีต ผอ.บัณฑิตวิทยาลัย ม.สยาม ชี้ข้อเรียกร้อง กปปส. คือสำนักกฎหมายธรรมชาติ ยันองค์กรอิสระผ่าทางตันไม่ได้ แนะเจรจาทุกฝ่ายถอย

วันนี้ (12 พ.ค.) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการเสวนาวิชาการหัวข้อ องค์กรอิสระผ่าทางตันประเทศไทย โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวว่า ปัญหาของการใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ 2550 คือการถ่วงดุลอำนาจกันและกัน มีการเพิ่มหน่วยงานขึ้นมาเพื่อการตรวจสอบ เพราะนักการเมืองของเราไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีจริยธรรม ใช้ช่องทางการเมืองเข้าสู่อำนาจ และผลประโยชน์ โดยวิธีสมัยปี 2540 คือ ต้องปฏิรูปการเมือง โดยนำสภาพการแก้ปัญหาใส่ลงไปในรัฐธรรมนูญ จึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งภายหลังความขัดแย้งก็มาเกิดในรัฐธรรมนูญอย่างมาก ทำให้เกิดการไม่ไว้ใจนักการเมือง จึงเกิดการต่อสู้แบบสภาพปัจจุบัน ปกติถ้านักการเมืองไม่ดี ชาวบ้านจะออกมาไล่ แต่ประเทศไทยกลับไปดึงชาวบ้าน สร้างเป็นม็อบฝ่ายการเมือง ถ้าเล่นการเมืองแบบบ้านเราจะทำให้เราแตกเป็นเสี่ยง มีทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง ประชาชนมีความแตกแยกอย่างชัดเจน จากปัญหาการเมือง เป็นปัญหาบ้านเมือง

“มีการพูดสองมาตรฐาน แต่กลับไม่ไปดูคำตัดสินในรายละเอียด เพราะฉะนั้นวิธีการขององค์กรอิสระเกิดปัญหาว่าตัดสินแล้วเกิดการไม่ยอมรับ มีการบอกว่าไม่ยุติธรรมของศาล พวกที่บอกไม่ถูกต้อง แต่กลับไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างของศาล กกต. หรือ ป.ป.ช.ได้” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวต่อว่า ส่วนจะสุญญากาศหรือไม่ ตนเห็นว่านายกรัฐมนตรี และ ครม. หลุดไปตั้งนานแล้ว ตามระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ ตอนนี้จึงเท่ากับว่าไม่มีรัฐมนตรีแล้ว ทำให้แนวทางบ้านเมืองที่เห็นอยู่จึงไม่สามารถบริหารประเทศได้ เพราะไม่มีนายกรัฐมนตรี จะให้ ครม. 25 คนที่เหลืออยู่ไปเรื่อยๆ จนกว่าอะไรเรียบร้อยตามมาตรา 181 หรือไม่ แต่เชื่อว่าทางออกในการผ่าทางตันยังมี แม้บางฝ่ายจะไม่ยอมรับว่ารัฐบาลมีอำนาจอยู่ หรือฝ่ายรัฐบาลบอกตัวเองก็ยังมีอำนาจอยู่นั้น โดยต้องให้ผู้มีอำนาจแท้จริงในการแก้ปัญหา ซึ่งในส่วน กปปส. อยากให้วุฒิสภา ศาล กกต. หาทางออก ตนก็เห็นว่าศาลจะออกมาไม่ได้ เพราะจะดูไม่น่าเชื่อถือ ส่วน กกต. ก็ต้องเป็นกลาง ตอนนี้ที่จะแก้ปัญหาได้คือองค์กรวุฒิสภา แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาโดยตรงได้ เพราะอำนาจที่แท้จริงก็อยู่ที่ทหาร และตำรวจ แต่สุดท้ายก็ยังเชื่อว่าทหาร ตำรวจ จะไม่ทำ

นายเสรี กล่าวอีกว่า ตนคาดหวังจะไม่ปฏิวัติ แต่ทหารต้องควบคุมความสงบให้ได้ องคมนตรี วุฒิสภา ทหาร ตำรวจ มาคุยกันจะเป็นทางออก ไม่เช่นนั้นจะทะเลาะแบบนี้ ต้องคิดว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร แต่ส่วนตัวเห็นว่า นายกรัฐมนตรีต้องยอมรับจากทุกฝ่ายให้มากที่สุด ซึ่งตนอยากฟันธงว่าอยากให้องคมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นทางออกและเป็นที่ยอมรับ ถึงจะไม่มีใครพอใจ แต่ต้องแยกระหว่างความพอใจกับทางออก ไม่นั้นเดินหน้าไม่ได้ แต่ก็ต้องคิดว่าองคมนตรีจะมาหรือไม่ ทั้งนี้ ถ้าจะหาคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีเวลาจำกัด ต้องเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชน สร้างความเจริญ ตนว่าจะไม่เกิดปัญหา ไม่ใช่เข้ามาทุจริตซึ่งไม่มีใครยอมรับได้ ส่วนถ้ามีอุปสรรคตอนนั้นก็แก้กันไปในอนาคต

“คนที่จะแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือองคมนตรี ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่อง แต่การแก้ปัญหาบ้านเมืองต้องมีข้อแนะนำโดยองค์กรหลักคือ วุฒิสภา ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตำรวจ องคมนตรี และหานายกรัฐมนตรีคนกลาง โดยใช้มาตรา 3 มาตรา 7 ได้ เพราะต้องดูสภาพความเป็นจริงว่าถ้ามีเลือกตั้งอาจจะไม่สำเร็จ เพราะยังตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องมาดูรัฐธรรมนูญว่ามาตราไหนยังเดินได้ ให้บ้านเมืองเป็นทางออก ถ้าบอกว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. เท่านั้น บ้านเมืองก็จะไม่มีทางออก หรือจะตั้งรองนายกรัฐมนตรีคนกลางเข้ามาทำหน้าที่ ไปตั้งรัฐบาลคนกลางขึ้นมา ไปจัดเลือกตั้ง ไปจัดปฏิรูป ทางนี้ก็สามารถทำได้โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ” นายเสรี กล่าว

ด้าน นายอรรถสิทธิ์ พานแก้ว หัวหน้าศูนย์วิจัยข้อมูลการเมืองไทย กล่าวว่า ตอนนี้ประเทศไทยถูกจับตามองจากหลายประเทศว่า องค์กรอิสระไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนที่เคยถูกออกแบบไว้ ส่วนกระบวนการ กปปส. นั้น ไม่ควรเดิน เพราะไม่ใช่กระบวนการประชาธิปไตย เพราะเป็นการใช้มวลชนจำนวนหนึ่งขึ้นมา อาจจะต้องมีกระบวนการระดับประเทศมาสอบถาม หรือการทำประชามติ 60 วัน ไปสอบถามประชาชน ว่าจะเอาแบบได้ ใครจะปฏิรูป ปฏิรูปเป็นใคร หรือต้องให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งคอยปฏิรูป ไม่ใช่แต่งตั้งจากคนส่วนหนึ่งของประเทศ กลายเป็นให้มวลชนเป็นพวก แต่ไม่ถูกถามว่าเสียงของประชาชนคิดอะไร อย่างไรก็ตาม ต้องให้ทุกคนคุยกันให้จบ โดยให้ประชาชนมองเหตุการณ์นี้ว่าประเทศเป็นของเรา หรือเป็นของคนชั้นนำไม่กี่กลุ่ม ถ้าผู้นำคุยกันได้ เราพร้อมจะเดินตามผู้นำหรือไม่ จึงอยากให้นำเหตุการณ์นี้ได้มองว่าประเทศอาจไม่ใช่ของเราก็ได้

นายเจษฎ์ โทณวณิก อดีตผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่ตัน แต่สิ่งที่กปปส. เรียกร้องคือสำนักตามกฎหมายธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องนอกกรอบ จึงต้องให้สำนักกฎหมายบ้านเมืองนำมาคุยกัน ส่วนจะให้องค์กรอิสระผ่านทางตันอย่างไร เพราะไม่ได้มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ที่บอกนายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส. เพราะแค่คนตระบัดสัตย์ 1 คน ของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร โดยที่บ้านเมืองที่ตันทุกวันนี้ เพราะเราดันให้ถึงทางตันเอง ถ้านำทางตันแบบนี้ไปทูลเกล้าฯ จะจบได้อย่างไร ทั้งนี้ จะคุยกันก่อน หรือตีกันก่อนค่อยคุยกัน หรือจะคุยกันไม่ตีกัน แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก็บอกแล้วว่าถ้าไม่ทำจะทำเอง อีกฝ่ายก็บอกจะข้ามลำน้ำมา ก็ไม่รู้จะเป็นไปอย่างไร ส่วนแนวคิดว่าจะให้ทั้งวุฒิสภา ผู้นำเหล่าทัพ องคมนตรี มาแก้ปัญหานั้น ตนเห็นว่าต้องมีภาคอื่นมาช่วยกันด้วย

“ต้องคุยกันจะเอาใคร ต้องมีตัวเลือกให้เป็นที่ยอมรับ ผมยังคิดว่ามีอยู่ เพียงแต่ว่าจะมีคนรับ และมีกลไกคุ้มครองการทำงานของคนนั้นหรือไม่ เช่น ถ้าคนๆ นี้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีไปโยกย้ายข้าราชการตามหน้าที่ มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าศาลรัฐธรรมนุญวินิจฉัยว่าผิดอีก นายกรัฐมนตรีคนนี้ก็ซวยอีก ก็จะเป็นปัญหาตามมาอีกได้ ส่วนเรื่องอำนาจตอนนี้เป็นเหมือนกำลังภายใน ดาบใครไวคือเหตุผล ไม่ต้องมาคุยกัน อาวุธใครครบมือคือเหตุผล ที่ผ่านมามะม่วงตอนนี้เอาไปคนละครึ่งใบแล้ว ก็ต้องถอยกัน ไม่เช่นนั้นมะม่วงอีกครึ่งใบจะเน่า” นายเจษฎ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น