คณะรัฐบุคคลส่งตัวแทนยื่นหนังสือแนวคิดขอพึ่งพระบารมีแก้ปัญหาบ้านเมืองต่อผู้นำเหล่าทัพ พร้อมเสนอแนวคิดจัดตั้งกองกำลังผสม 3 เหล่าทัพ ปกป้องพระบรมราชโองการ “สายหยุด” นัดแถลงรายละเอียดเย็นนี้ ด้าน “ประยุทธ์” เปิด ร.1 รอ.ตั้งกองบัญชาการรับมือสถานการณ์
ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) วันนี้ (12 พ.ค.) นายเกรียงศักดิ์ เหล็กกล้า ผู้ประสานงานคณะรัฐบุคคล พร้อมด้วยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ในฐานะแนวร่วมคณะรัฐบุคคล เป็นตัวแทนของ พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะประธานรัฐบุคคล ยื่นเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินการตามแนวคิด “ขอพึ่งพระบารมี” เนื้อหาประกอบด้วย 1. หนังสือขอให้ร่างพระบรมราชโองการทูลเกล้าฯ เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยลงพระปรมาภิไธย 2. แนวความคิดดำเนินการจัดตั้งกำลังผสม 3 เหล่าทัพ ปกป้องพระบรมราชโองการ 3. เรื่องที่จะต้องพิจารณา ต่อ ล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เพื่อขอพึ่งพระบารมีในการแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง โดยมี พล.อ.ต.มานะ ประสพศรี เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ เป็นผู้รับแทนเนื่องจาก ผบ.ทอ.ติดประชุม
จากนั้นนายเกรียงศักดิ์และคณะได้เดินทางไปยื่นหนังสือดังกล่าวต่อ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ด้วย และในเวลา 17.00 น. ของวันนี้ (12 พ.ค.) พล.อ.สายหยุดจะแถลงข่าวในรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับเนื้อหาในเอกสารระบุว่า คณะรัฐบุคคลมีความเป็นห่วงในสถานการณ์เช่นเดียวกับทุกคน ที่พยายามหาทางทางออกต่างๆ แต่ยังจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่คณะรัฐบุคคลมีแนวคิดตามประสบการณ์ ตามประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย จึงมีความเชื่อมมั่นว่าการที่จะให้สถานการณ์ ความขัดแย้งขณะนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยพลันนั้นก็ด้วยการขอพึ่งพระบารมีเหมือนเช่นที่ผ่านมาในอดีต
โดยทหารไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง แต่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ป้องกันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ทั้งนี้ทหารต้องปฏิบัติการตามคำสั่งที่ถูกต้องและเป็นธรรม มีเกียรติ
นายไชยวัฒน์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาที่กองทัพอากาศ จากการประสานของนายเกรียงศักดิ์ว่า ทาง พล.อ.สายหยุดเรียกเชิญตนไปพบเพื่อปรึกษาหารือถึงการนำหนังสือไปยื่นต่อผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทั้งนี้ได้มีข้อสรุปแนวทางขับเคลื่อนในวันนี้ว่าคณะรัฐบุคคลยังมุ่งมั่นเดินหน้าขอพึ่งพระบารมีเพื่อยุติปัญหาของประเทศชาติบ้านเมืองโดยพลัน
โดย พล.อ.สายหยุดเห็นว่า เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อและอาจจะบานปลายจนอาจเกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่ายที่เห็นแตกต่างกัน เพราะฉะนั้น คณะรัฐบุคคลเล็งเห็นว่า ขอพึ่งพระบารมีได้ นอกเหนือจากศาลรัฐธรรมนูญก็ยังมีผู้นำเหล่าทัพ ในส่วนของผู้นำเหล่าทัพคณะรัฐบุคคลให้ความสำคัญจึงถือเอาวันนี้ที่ได้นัดหมายอย่างลงตัว ขับเคลื่อน เพื่อสื่อความคิดของคณะรัฐบุคคลที่ประมวลจากประสบการณ์ในอดีต จากความขัดแย้งทางการเมืองหลายๆ ครั้ง หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็จบด้วยการพึ่งพระบารมีทุกครั้งไป
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกระแสข่าวกองทัพเตรียมทำรัฐประหารว่า ขณะนี้กองทัพบกได้ปฏิบัติหน้าที่ภายในกรอบของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยดูแลสถานที่สำคัญ รวมถึงมีจุดต่างๆ ในการให้การดูแลประชาชน และเฝ้าระวังความปลอดภัยให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังติดตามสถานการณ์ว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนอย่างสูงสุด สำหรับข่าวลือต่างๆ นั้นก็ส่งผลกระทบต่อภาพรวม จึงอยากให้สังคมใช้ความระมัดระวังในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ บางอย่างกระทบองค์กร อาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจองค์กรนั้นผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมสองฝ่ายไม่ปะทะกัน พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ในส่วนของกองทัพบก ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดการปะทะที่รุนแรง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็มีแผนรองรับไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณถนนราชดำเนิน หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ว่ากปปส.ได้นำเครื่องเสียงและลำโพงมาติดตั้งบริเวณตั้งแต่ด้านข้างองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในขณะที่การจราจรด้านหลังกองทัพบกเริ่มติดขัดเพราะใช้เส้นทางรถในการสัญจรบริเวณดังกล่าวได้เส้นทางเดียว ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการให้กลับมาใช้กองบัญชาการฯ สำรองที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) อีกครั้งเพื่อทำงานและประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน