xs
xsm
sm
md
lg

ออกมาเถอะมวลมหาประชาชน

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ยิ่งลักษณ์กลายเป็นซากศพไปแล้วครับ เพราะคมดาบของศาลรัฐธรรมนูญ เหลือแต่มวลมหาประชาชนว่าจะเผด็จศึกอย่างไร เมื่อกำนันสุเทพเปลี่ยนวันนัดชุมนุมใหญ่จากวันที่ 14 พ.ค.มาเป็นวันศุกร์ที่ 9 พ.ค.

เพียงแต่สิ่งที่มวลมหาประชาชนคาดหวังให้เกิด “สุญญากาศ” เพื่อนำไปสู่รัฐบาลคนกลางนั้นยังไม่เกิดขึ้น เพราะยังคงเหลือซากรัฐมนตรีอยู่อีกหลายตำแหน่งและรัฐบาลก็แก้เกมด้วยการให้นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี

แต่ต้องเข้าใจตรงกันนะครับว่า ถึงตอนนี้ประเทศไทยไม่ได้มีนายกรัฐมนตรี มีเพียงรองนายกฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เท่านั้น

กลายเป็นแง่มุมทางข้อกฎหมายให้ถกเถียงกันอีกต่อไปว่า ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีนั้น ลงนามทูลเกล้าพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งได้หรือไม่ ซึ่งฝ่ายที่ยืนยันไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2556 มาตรา 5 กำหนดให้ ‘นายกรัฐมนตรี’ และประธาน กกต.เป็นผู้รักษาการณ์ตามพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น

ดังนั้นการจะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่แทนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่เป็นโมฆะจึงเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของ ‘นายกรัฐมนตรี’ และประธาน กกต.เท่านั้น

จะใช้รองนายกรัฐมนตรีมาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการร่างพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าไม่มีวันที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้นับแต่นี้

ถึงตอนนี้ประเทศไทยจึงอยู่ในช่วงที่ไม่มีใครมีอำนาจเต็ม รัฐมนตรีที่ยังเหลืออยู่ก็มีอำนาจจำกัดเต็มทีเพราะพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ให้อำนาจหน้าที่กระทำได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เดินหน้าไม่ได้ถอยหลังไม่ได้ แต่ฝ่ายรัฐบาลก็บอกว่า ถ้าออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ไม่ได้ก็รักษาการยึดกุมอำนาจรัฐไปเรื่อยๆ

คำถามก็คือว่า เราจะปล่อยให้ประเทศอยู่ในภาวะแบบนี้ได้ตลอดไปหรือ

ในภาวะที่ประเทศอยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยเสียแขนแบบนี้หลายคนคงอดไม่ได้ที่จะพุ่งเป้าไปที่กองทัพในฐานะฝ่ายที่ดูแลความมั่นคงว่ามองสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้อย่างไร ออกตัวก่อนนะครับว่า ไม่ได้หมายความว่า จะเรียกร้องให้ทหารออกมาทำปฏิวัติรัฐประหาร เพียงแต่ต้องการเห็นว่าทหารจะแสดงจุดยืนออกมาอย่างไร

ในภาวะที่ประเทศถึงทางตันไร้ทางออก ทหารจะยืนข้างมวลมหาประชาชนที่ต้องการเรียกร้องให้กำจัดระบอบทักษิณและปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง หรือเลือกตั้งเสียก่อนจะปฏิรูปอย่างที่ฝ่ายทักษิณต้องการ หรือจะยังคงแสดงตัวเป็น ‘คนกลาง’ ลอยนวลไปเพื่อรอวันเกษียณอายุอย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกแสดงอยู่

ก็คงต้องถามพล.อ.ประยุทธ์แหละครับว่า คิดอย่างไรที่บ้านเมืองมีสภาพเช่นนี้ คือ ไม่มีนายกรัฐมนตรี แต่จะเดินหน้าเพื่อเลือกตั้งตามเสียงเรียกร้องของฝ่ายทักษิณก็เกิดขึ้นไม่ได้แล้วในทางกฎหมาย แต่จะให้มีรัฐบาลคนกลางจัดตั้งสภาปฏิรูปก็ไม่มีกฎหมายรองรับเช่นเดียวกัน

พูดได้ว่า ไม่มีใครมีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่แท้จริงอยู่ในมือ

อำนาจรัฏฐาธิปัตย์นั้นอยู่ๆ ก็จะมาสถาปนาตัวเองเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์อย่างที่กำนันสุเทพเคยหลงเหลี่ยมประกาศสถาปนาตัวเองก็ไม่ได้เสียด้วย นอกเหนือจากวิธีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว อีกหนทางก็คือ การปฏิวัติประชาชนซึ่งเป็นหนทางที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย ในภาวะที่ประชาชนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย หรือในอดีตก็มีแต่ทหารที่สามารถสถาปนาอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ให้ตัวเองได้

บ้านเมืองถึงตอนนี้บอกตรงๆ ว่า ไร้ทางออกแล้ว แต่ยังไม่ไร้หนทางที่จะจัดการปัญหาเพื่อให้บ้านเมืองกลับมาเดินตามครรลองได้อีกครั้ง เพียงแต่คนที่มีอำนาจจะกล้าเลือกเดินไปบนหนทางนั้นหรือไม่เท่านั้นเอง และจะกล้าเสี่ยงหรือไม่ในภาวะที่บ้านเมืองมีความขัดแย้งแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจนและต่างฝ่ายต่างมีมวลชนหนุนเนื่องไม่แพ้กัน

ก็เป็นคำถามนะครับว่า ฝ่ายความมั่นคงเขาจะเข้ามาคลี่คลายปัญหาหรือปล่อยให้เป็นเรื่องประชาชน 2 ฝ่ายที่ประกาศนัดหมายประลองกำลังกันจนเกิดเป็นสงครามกลางเมือง

วันที่ 9 พ.ค.เป็นวันนัดหมายของมวลมหาประชาชน วันที่ 10 พ.ค.คนเสื้อแดงนัดชุมนุมที่ถนนอักษะ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมวลมหาประชาชนถึงตรงนี้ก็ต้องเอาใจช่วยกำนันสุเทพแหละครับว่า จะมีไม้เด็ดอย่างไร ถ้ามวลมหาประชาชนออกกันมามาก

เพราะเราต้องยอมรับความจริงนะครับว่า กำนันนัดเผด็จศึกหลายครั้งแล้ว มวลมหาประชาชนออกมามากนับล้านคนทุกครั้ง แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าปริมาณของมวลมหาประชาชนไม่ใช่เครื่องชี้วัดว่า จะนำไปสู่ชัยชนะได้ ไม่เช่นนั้นกำนันก็คงจะประสบชัยชนะไปนานแล้ว

เสียงที่น่าจะสะท้อนไปถึงกำนันสุเทพในตอนนี้ก็คือ กำนันจะมีทีเด็ดอะไรมากกว่าชวนมวลชนออกมาเดินไปเดินมาบนถนนเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากำนันสุเทพจะมีทีเด็ดอะไรแค่ไหน แต่สำหรับมวลมหาประชาชนแล้วก็ควรจะต้องออกมาร่วมชุมนุมให้มากที่สุดให้มากกว่าทุกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นพลังของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ และไปสู่เป้าหมายสำคัญที่สุดก็คือ การโค่นล้มระบอบทักษิณ

ถ้ายังโค่นล้มระบอบทักษิณไม่ได้ การชุมนุมที่ผ่านมากว่า 6 เดือนก็ไม่มีความหมายเหมือนสูญเปล่า ไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียชีวิตพี่น้องกว่า 20 คนและบาดเจ็บกว่า 700 คน

เช่นเดียวกับสิ่งที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินอยู่ตอนนี้ที่ไม่มีความหมายอะไร เพราะเป็นเพียงข้อเสนอให้ถอยหลังคนละก้าว สิ่งที่อภิสิทธิ์เสนอนั้น เพียงเพื่อการันตีว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น พร้อมๆ กับมีการปฏิรูป ฝ่ายรัฐบาลได้การเลือกตั้งที่ต้องการและฝ่ายมวลมหาประชาชนได้การปฏิรูป แต่ไม่มีเป้าหมายที่นำไปสู่การโค่นล้มระบอบทักษิณ สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นการช่วยยื้อชีวิตระบอบทักษิณให้ดำรงอยู่ต่อไปเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้ผมเชื่อว่ามวลมหาประชาชนและกำนันสุเทพก้าวข้ามอภิสิทธิ์ไปแล้ว เพียงแต่เรายังไม่รู้ว่า กำนันสุเทพจะมีกลยุทธ์อะไรถึงกับมั่นใจว่า นี่จะกลายเป็นวันเผด็จศึกเสร็จแล้วมวลมหาประชาชนก็จะกลับบ้านยุติการชุมนุมไปพร้อมกับชัยชนะ

แต่ในฐานะที่มีระบอบทักษิณเป็นศัตรูร่วมกัน ผมก็คงทำได้เพียงสนับสนุนและเรียกร้องให้มวลชนออกมาร่วมสู้ตามการนัดหมายครั้งนี้ของกำนันเยอะๆ และหวังว่ากำนันจะนำมวลมหาประชาชนไปสู่ชัยชนะดังที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น