ผ่าประเด็นร้อน
เริ่มมีการส่งสัญญาณออกมาชัดเจนอีกครั้งแล้ว สำหรับ กปปส.ที่นำโดย กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าจะมีการนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งเพื่อขับไล่ หรือโค่นล้มระบอบทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่หมดความชอบธรรมทั้งทางการเมือง และในทางกฎหมายอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่มีการกำหนดวันเวลาออกมาให้แน่ชัดเท่านั้น เพียงแต่รับรู้กันว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แหละ
ที่ผ่านมาก็มีการปราศรัยเชิญชวนทุกฝ่ายให้ระดมกำลังเข้ามาร่วมอย่างพร้อมเพรียง ให้ประชาชนเตรียมตัวกันให้พร้อม เพื่อเข้ามาปักหลักพักค้างนานต่อเนื่องกันหลายวัน รองรับการชุมนุมยืดเยื้ออย่างน้อยสองสามวัน
นอกจากนี้ ยังมีการเดินสายเชิญชวนข้าราชการในแต่ละกระทรวงให้เข้ามาร่วมกันปฏิรูปประเทศกันใหม่ ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้ปฏิเสธคำสั่งของรัฐบาลเถื่อน ที่หมดความชอบธรรม ทั้งทางการเมืองและกฎหมายไปแล้ว ที่ผ่านมาก็เดินรณรงค์กันมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากกระทรวงยุติธรรม และมีปลัดกระทรวง คือ กิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ออกมาต้อนรับ และนำเข้าหารือกันอย่างเปิดเผย ถัดมาก็เป็นกระทรวงสาธารณสุข ก็มีบุคลากรของกระทรวงดังกล่าวออกมาต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง รวมไปถึงการเดินทางไปเยี่ยมกระทรวงกลาโหม ก็มีปลัดกระทรวง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ออกมาพูดคุยด้วย
ด้วยบรรยากาศที่เห็นดังกล่าวนั่นแหละ ทำให้พวก “วัวสันหลังหวะ” อย่างรัฐบาลเถื่อนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หวาดผวา สะดุ้งโหยงอยู่ตลอดเวลา แค่นกกาบินผ่านก็ต้องหลบกันวูบวาบ และที่น่าเสียหน้ากันอย่างยิ่งก็คือ กรณีของปลัดกระทรวงยุติธรรมที่ออกมาต้อนรับ และนำเข้าหารือกันอย่างเป็นทางการ กรณีดังกล่าวถือว่าเสียหาย เพราะเจ้ากระทรวงคือ ชัยเกษม นิติสิริ ได้แสดงออกรับใช้ระบอบทักษิณกันอย่างชัดแจ้ง แต่เมื่อระดับปลัดกระทรวงออกมาต้อนรับกลุ่มมวลชนแบบนี้ มันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และนี่จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมถึงต้องเรียกประชุม ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ตัวเองยังมีอำนาจ และห้ามไม่ให้ต้อนรับขับสู้อีกต่อไป
ขณะเดียวกัน สำหรับความเคลื่อนไหวของ กปปส. ที่นำโดยกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่กำลังเดินสายไปพบกับบรรดาข้าราชการทุกกระทรวง บรรดาพนักงานรัฐวิสาหกิจ ทั่วกรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องทำ และน่าจะทำมาตั้งนานแล้วก็คือ ต้องไปสอบถามท่าทีจากกองทัพ โดยเฉพาะบรรดาผู้นำกองทัพ
ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะถือว่าทหารยังเป็นตัวชี้ขาดที่สำคัญที่สุด แต่ในความหมายที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนก็คือ ทหารโดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบก ต้องแสดงท่าทียืนเคียงข้างประชาชน ปฏิเสธรัฐบาลเถื่อนที่ไร้ความชอบธรรม อย่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ใช่ในความหมายให้ออกมาก่อรัฐประหาร เพราะหากเป็นแบบนั้น เรื่องมันก็ไม่จบ ในทางตรงกันข้ามจะเป็นการสร้างเงื่อนไขให้กับระบอบทักษิณ นำไปขยายผลเรื่องเผด็จการทำลายประชาธิปไตยอีก
ดังนั้น หากจะให้ประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริงก็ต้องบอกว่า แม้ในวันชุมนุมใหญ่ของ กปปส.จะมีมวลชนออกมาร่วมมากมายกี่ล้านคนก็ตาม ก็คงไม่อาจขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพวกออกไปได้อีก เหมือนกับการชุมนุมใหญ่หลายครั้งก่อนหน้านี้ ตราบใดที่ข้าราชการ และสำคัญที่สุดคือ ผู้นำกองทัพ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องชี้ขาด หากยังวางเฉย ก็ไม่มีทางสำเร็จอีก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุดก่อนวันชุมนุมใหญ่ก็ต้องเค้นคอถามท่าทีเสียก่อน เอากันให้ชัดว่าจะเอาอย่างไร จะแทงกั๊กประคองตัวเอาตัวรอดเพื่อรอวันเกษียณแบบเดิมๆ คงไม่ได้ หากยังเป็นแบบนั้น สมควรที่จะต้องขับไล่ออกไปก่อน แล้วสนับสนุนผู้นำกองทัพคนอื่นที่มีความกล้าหาญเข้ามาแทน จะได้ไม่เสียเวลาเปล่า และที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องเลิกเกรงใจแบบเดิมเสียที
หากต้องการชัยชนะเป็นของประชาชนแท้จริง ก็ต้องพูดความจริงแบบนี้แหละ!!