00 ถ้าจะวัดกันว่าใครมีอำนาจ ใครแข็งแรงหรือไม่ ก็ต้องพิจารณากันถึงอาการที่แสดงออกมาให้เห็น บางคนที่กำลังป่วยหนัก แต่ก็ต้องแข็งใจลุกขึ้นเดิน บางคนที่กำลังจะตกจากอำนาจ ก็พยายามจะส่งเสียงดัง ทุกอย่างพยายามอำพรางตบตาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เหมือนอย่างที่ในเวลานี้ รัฐบาลเถื่อน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังหมดสภาพ ก็พยายามดิ้นรนเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ อย่างเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) ก็ออกคำสั่งให้บรรดาปลัดกระทรวงต่างๆ มารับทราบแนวทางปฏิบัติ แต่ความหมายก็คือ ต้องการเช็กดูว่ามี ปลัดกระทรวงคนไหนที่แข็งข้อ ไม่เอาด้วยกับพวกมันแล้ว ซึ่งอาการแบบนี้มองอีกมุมหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความหวั่นไหว ความไม่มั่นคงของตัวเองอย่างหนักแล้ว
00 สาเหตุที่ต้องทำขึงขังเป็นแบบนี้ เริ่มรู้ตัวเองแล้วว่า กำลังถดถอยลงไปเรื่อยๆ มีแต่คนชิ่งหนี เพราะนอกจากรัฐบาลจะมีสภาพเป็นรัฐบาลเถื่อน สังคมเริ่มรับรู้ว่า ทั้งรักษาการนายกฯ คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไร้สติปัญญา รมต.แต่ละคนไร้คุณค่า ไร้เครดิต มีบุคลิกไม่ต่างจาก "พวกกุ๊ย" ไม่มีความน่าเชื่อถือ ถามว่าคนอย่าง เฉลิม อยู่บำรุง คนอย่าง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จะมีใครสักคนให้ความสำคัญให้ความสนใจบ้าง ตรงกันข้าม การตั้งคนพวกนี้เข้ามาดูแล ศอ.รส. ยิ่งทำให้รัฐบาล พรรคเพื่อไทย ตกต่ำลงไปแทบเหลือศูนย์แล้ว ดังนั้นการเรียกประชุมปลัดกระทรวงทุกกระทรวงดังกล่าว จึงเป็นเพียงแค่การเรียกมาข่มขู่ว่า ตัวเองยังมีอำนาจอยู่ แต่หากมีปลัดฯ คนใดไม่มา หรือมาน้อย ก็จะยิ่ง"หน้าแตก" มากขึ้นนั่นแหละ !!
00 อย่างไรก็ดี คนที่น่าชื่นชมยกย่องว่าเป็นคนยึดมั่นในหลักการอย่างมั่นคง และไม่ยอมก้มหัวให้กับ "แก๊งโจร" และประกาศท่าทีให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศล่วงหน้าแล้วว่า จะไม่ยอมเข้าร่วมประชุมกับ ศอ.รส. ความหมายก็คือ ได้ปฏิเสธอำนาจของ "ระบอบทักษิณ" อย่างชัดเจนแล้ว
00 แต่ที่น่าจับตาก็คือ กรณีของ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ที่แม้ว่าจะประกาศว่า จะเดินทางไปร่วมประชุมกับ ศอ.รส. กับ "ปึ้งศักดิ์-เหลิม" ก็ตาม แต่ในความหมายก็คือ ต้องการไปชี้แจงเหตุผลว่า ทำไมต้องต้อนรับ "มวลมหาประชาชน" ต้อนรับ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันก่อน ซึ่งเมื่อได้เห็นข้อความที่เขาโพสต์ลงเฟสบุ๊ก ระบุว่า "ความภาคภูมใจในความเป็นข้าราชการ คือการได้ทำงานเพื่อส่วนรวมให้ประชาชนได้ชื่นใจ ไม่ใช่ทำงานให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใด" มันก็ชัดยิ่งกว่าชัดแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเขาไม่ได้รับใช้ "ระบอบทักษิณ" ยิ่ง "สองขี้ข้า" นั่นเล่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครฟัง "เสียงเห่า" แน่นอน
00 การประกาศนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งของ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศวันเวลาที่แน่ชัด แต่ก็คาดว่า ต้องรอวันที่ศาลรธน. หรือ ป.ป.ช. กำหนดวันชี้ชะตาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาก่อน ซึ่งถึงตอนนั้น ก็จะนัดชุมนุมล่วงหน้าได้อย่างทันท่วงที และอาจจะมีการกำหนดล่วงหน้ากันเป็นสัปดาห์ แม้ว่าจะมีการประกาศนัดชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อไล่แก๊งโจรแก๊งใหญ่นี้ออกไปให้ได้ก็ตาม แต่ก็อีกนั่นแหละ ต่อให้ออกมามากกว่าครั้งก่อนอีกกี่เท่า มันก็เอาไม่ลงอยู่ดี หากผู้นำกองทัพ ไม่สามัคคีออกมาเอาด้วย ดังนั้น ตัวแปรสำคัญก็ยังเป็นขุนทหาร ต้องรีบเค้นคอถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะเลือกแบบไหน ถ้ายังลอยตัวไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้ ต้องรีบไล่ออกไปก่อน ก่อนจะเสียการใหญ่ !!
00 สาเหตุที่ต้องทำขึงขังเป็นแบบนี้ เริ่มรู้ตัวเองแล้วว่า กำลังถดถอยลงไปเรื่อยๆ มีแต่คนชิ่งหนี เพราะนอกจากรัฐบาลจะมีสภาพเป็นรัฐบาลเถื่อน สังคมเริ่มรับรู้ว่า ทั้งรักษาการนายกฯ คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไร้สติปัญญา รมต.แต่ละคนไร้คุณค่า ไร้เครดิต มีบุคลิกไม่ต่างจาก "พวกกุ๊ย" ไม่มีความน่าเชื่อถือ ถามว่าคนอย่าง เฉลิม อยู่บำรุง คนอย่าง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จะมีใครสักคนให้ความสำคัญให้ความสนใจบ้าง ตรงกันข้าม การตั้งคนพวกนี้เข้ามาดูแล ศอ.รส. ยิ่งทำให้รัฐบาล พรรคเพื่อไทย ตกต่ำลงไปแทบเหลือศูนย์แล้ว ดังนั้นการเรียกประชุมปลัดกระทรวงทุกกระทรวงดังกล่าว จึงเป็นเพียงแค่การเรียกมาข่มขู่ว่า ตัวเองยังมีอำนาจอยู่ แต่หากมีปลัดฯ คนใดไม่มา หรือมาน้อย ก็จะยิ่ง"หน้าแตก" มากขึ้นนั่นแหละ !!
00 อย่างไรก็ดี คนที่น่าชื่นชมยกย่องว่าเป็นคนยึดมั่นในหลักการอย่างมั่นคง และไม่ยอมก้มหัวให้กับ "แก๊งโจร" และประกาศท่าทีให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศล่วงหน้าแล้วว่า จะไม่ยอมเข้าร่วมประชุมกับ ศอ.รส. ความหมายก็คือ ได้ปฏิเสธอำนาจของ "ระบอบทักษิณ" อย่างชัดเจนแล้ว
00 แต่ที่น่าจับตาก็คือ กรณีของ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ที่แม้ว่าจะประกาศว่า จะเดินทางไปร่วมประชุมกับ ศอ.รส. กับ "ปึ้งศักดิ์-เหลิม" ก็ตาม แต่ในความหมายก็คือ ต้องการไปชี้แจงเหตุผลว่า ทำไมต้องต้อนรับ "มวลมหาประชาชน" ต้อนรับ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันก่อน ซึ่งเมื่อได้เห็นข้อความที่เขาโพสต์ลงเฟสบุ๊ก ระบุว่า "ความภาคภูมใจในความเป็นข้าราชการ คือการได้ทำงานเพื่อส่วนรวมให้ประชาชนได้ชื่นใจ ไม่ใช่ทำงานให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใด" มันก็ชัดยิ่งกว่าชัดแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเขาไม่ได้รับใช้ "ระบอบทักษิณ" ยิ่ง "สองขี้ข้า" นั่นเล่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครฟัง "เสียงเห่า" แน่นอน
00 การประกาศนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งของ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศวันเวลาที่แน่ชัด แต่ก็คาดว่า ต้องรอวันที่ศาลรธน. หรือ ป.ป.ช. กำหนดวันชี้ชะตาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาก่อน ซึ่งถึงตอนนั้น ก็จะนัดชุมนุมล่วงหน้าได้อย่างทันท่วงที และอาจจะมีการกำหนดล่วงหน้ากันเป็นสัปดาห์ แม้ว่าจะมีการประกาศนัดชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อไล่แก๊งโจรแก๊งใหญ่นี้ออกไปให้ได้ก็ตาม แต่ก็อีกนั่นแหละ ต่อให้ออกมามากกว่าครั้งก่อนอีกกี่เท่า มันก็เอาไม่ลงอยู่ดี หากผู้นำกองทัพ ไม่สามัคคีออกมาเอาด้วย ดังนั้น ตัวแปรสำคัญก็ยังเป็นขุนทหาร ต้องรีบเค้นคอถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะเลือกแบบไหน ถ้ายังลอยตัวไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้ ต้องรีบไล่ออกไปก่อน ก่อนจะเสียการใหญ่ !!