ฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย เตะตัดขา “สุรชัย” ชี้การเลือกประธานวุฒิสภา เป็นโมฆะ ขัด รัฐธรรมนูญ ม.132 แถมมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อ้างไปไกลถึงขั้นต้องรอรัฐสภาชุดที่ 34 เสียก่อน องค์ประกอบในการเลือกประธานวุฒิสภาฯ จึงจะครบ
นายนพดล ปัทมะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กาที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทำการเลือกนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ความเห็นของคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย เห็นว่า การเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญดังกล่าวเปิดเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งบุคคลเท่านั้น ดังนั้น วาระการคัดเลือกตัวประธานวุฒิสภา อาจมิชอบด้วยข้อกฎหมาย เรื่องนี้คนชี้ขาดคือ ศาลรัฐธรรมนูญ ทราบว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะดำเนินการเรื่องนี้ เราจะหารือกันในพรรคต่อไป
นายนพดล ยังฝากไปยัง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา รักษาการประธานวุฒิสภาว่า การดำเนินการใดๆ ต้องระมัดระวังเพราะมีตำแหน่งมาจากการสรรหา โดยกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น อย่าทำอะไรสวนทางประชาธิปไตย ที่มีประชาชนเป็นนาย ไม่ใช่คนที่แต่งตั้งมา
นายคณิน บุญสุวรรณ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กระบวนการเลือกประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำไม่ได้ ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน เพราะการเลือกประธานวุฒิสภา ครั้งนี้เข้าลักษณะต้องห้าม ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 เพราะไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้นที่ให้เปิดประชุมสภาได้ภายหลังทีมีการยุบสภา ดังนั้น การดำเนินการดังกล่าวถือว่า เป็นโมฆะ อีกทั้งขณะนี้ยังไม่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเลย และการเลือกประธานวุฒิสภา ระหว่างที่ตัวเองเป็นรองประธานวุฒิสภา ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นแคนดิเดต ต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาก่อน แต่กลับไม่ลาออกแถมยังนั่งเป็นประธานบนบัลลังก์ ถือเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
นอกจากนี้ รัฐสภาชุดที่ 34 ยังไม่เกิด ขณะที่รัฐสภาชุดที่ 33 ยุติไปแล้วตั้งแต่มีการยุบสภาฯ เท่ากับ ส.ว.สรรหา ได้พ้นจากรัฐสภาชุดที่ 33 ไปแล้ว ดังนั้น ส.ว.สรรหา รวมทั้ง ส.ว.ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่ ต้องรอการเข้าร่วมรัฐสภาชุดที่ 34 เสียก่อน องค์ประกอบจึงจะสมบูรณ์แ ต่ที่สำคัญที่สุดคืออยากถามว่า ใครจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวนำมาซึ่งความสับสน อลหม่าน และวุ่นวายจึงอยากให้วุฒิสภาปิดสมัยประชุม เพื่อรอการเริ่มต้นกระบวนการใหม่ที่ถูกต้องจะดีกว่า ขอยืนยันว่า กระบวนการเลือกประธานวุฒิสภา เป็นโมฆะ และไม่มีความหมายอะไร