“นิคม” ยุรัฐบาลส่งศาล รธน.ตีความกระบวนการเลือก “สุรชัย” เป็นประธานวุฒิสภา ทำเกิน พ.ร.ฎ.หรือไม่ หัวหมออ้าง ถ้า “นิวัฒน์ธำรง” ทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งไม่ได้ ก็ทูลเกล้าฯ ตั้งประธานวุฒิสภาไม่ได้
นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ซึ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดมีผลประโยชน์ทับซ้อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. กล่าวถึงกระบวนการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา ว่า ขั้นตอนต่อไปทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จะต้องส่งรายชื่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา ที่ได้รับเลือกให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้เป็นประธานวุฒิสภาโดยสมบูรณ์ต่อไป แต่ถ้ารัฐบาลมีข้อสงสัยว่า กระบวนการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา เป็นการกระทำที่เกินกรอบ พ.ร.ฎ.ขอเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญกำหนดไว้ ก็สามารถยื่นร้องตามมาตรา 214 เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายนิคม กล่าวว่า ส่วนที่มีข้อถกเถียงกันว่า นายนิวัฒน์ธำรง มีอำนาจในการทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งได้หรือไม่นั้น ตนมองว่า ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน นั้น นายนิวัฒน์ธำรง สามารถปฏิบัติหน้าที่แทน นายกรัฐมนตรี ได้ทุกอย่างตามกฎหมาย แต่ถ้าพยายามบิดเบือนข้อกฎหมายไม่ให้ นายนิวัฒน์ธำรง ทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งได้ ก็ไม่สามารถทูลเกล้าฯ รายชื่อประธานวุฒิสภาฯ ได้เช่นกัน เพราะเราต้องไม่มีตีความกฎหมายเอาแต่ได้
“นอกจากนี้ การเลือกประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา น่าสังเกตว่า เป็นการดำเนินการเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามมาตรา 122 อย่างชัดเจนกว่ากรณีของผมที่ถูกล่าวหาว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน ต้องการแก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดเพื่อตัวเอง ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ผมก็ต้องได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนก่อนถึงจะได้เป็น ส.ว. ไม่ใช่แก้กฎหมายและได้เป็น ส.ว.ทันที แต่การเลือกประธานวุฒิฯ นั้น นายสุรชัย คือผู้ขอให้มีการเปิดประชุม ทั้งยังทำหน้าที่ประธานให้ที่ประชุมได้อภิปรายหารือถึงการเลือกประธานวุฒิสภาอีกด้วย อย่างไรก็ตามตำแหน่งประธานวุฒิสภาจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ดังนั้น ถ้ายังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานฯ ก็ไม่สามารถเรียกเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่อดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือผม และเพื่อน ส.ว.อีก 36 คน ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดได้”
