“สุรพงษ์” ระบุเหตุปรับลดกำลังทหาร เพิ่มตำรวจ เพื่อความคล่องตัวในการจับกุม หลัง ศอ.รส.มีนโยบายจับแกนนำ กปปส. เหน็บผู้บริหารรัฐวิสาหกิจต้อนรับ “สุเทพ” ขอให้บริหารให้ได้ดีมีกำไร ต่อไปจะได้ไม่ต้องพึ่งรัฐบาลมาก เตรียมส่ง “ยิ่งลักษณ์” ประชุมผู้นำอาเซียนที่เนปิดอว์ เป่าหูต่างชาติมีคนขวางเลือกตั้ง แต่ถ้านายกฯ ตกเก้าอี้ ขอไปเอง หวัง ปชป.ลงเลือกตั้งหลัง “มาร์ค” พบ กกต.
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานปรึกษา ศอ.รส. กล่าวถึงการปรับลดกำลังทหารลงและเสริมเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลสถานการณ์ภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคงว่า เรื่องการปรับลดกำลังนายกฯ ได้กำชับไว้ตั้งแต่ครั้งที่เปลี่ยนจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคง เนื่องจากช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเหตุการณ์ความรุนแรงได้เบาบางลง นายกฯ จึงกำชับว่าถ้าเป็นไปได้ให้ปรับลดกำลังลง เพื่อให้กำลังพลได้พักผ่อน อีกทั้ง ศอ.รส.เห็นว่าทหารซึ่งปราศจากอาวุธได้ถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้งขึ้น แตกต่างจากตำรวจที่มีอาวุธในการป้องกันตัวได้ จึงไม่อยากเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ รวมทั้งตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ความสะดวกแก่ประชาชนในการจราจรช่วงที่มีการชุมนุมได้ การที่กลุ่ม นปช.ประกาศจะชุมนุมที่ถนนอักษะ ไม่ออกนอกพื้นที่อื่นทำการดูแล และปรับลดกำลังทำได้ง่าย อย่างไรก็ตามในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลจะยังใช้ทหารเหมือนเดิม
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การปรับลดกำลังนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการไม่ไว้ใจทหาร แต่เพื่อการปฏิบัติงานที่คล่องตัวขึ้น และช่วงหลังเรามีแผนที่จะดำเนินการจับกุมแกนนำ กปปส.ที่มีหมายจับด้วย และจับกุมผู้มีอาวุธบริเวณพื้นที่ชุมนุม โดยตำรวจจะมีความคล่องตัวในการจับกุมได้ และจะไม่เป็นอุปสรรคในการเข้าดูแลผู้ชุมนุม เป็นสัญญาณว่า ศอ.รส.จะทำงานอย่างเข้มข้นขึ้นในการดำเนินการต่อผู้ที่กระทำผิด อีกทั้งกรณีพระพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส.แจ้งวัฒนะ จะนำการ์ด กปปส.ที่ทำร้ายร่างกาย พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รองผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ไปมอบตัว 5 คน ว่าที่จริงแล้วมีการแจ้งความไว้ 10 คน เราก็ต้องดำเนินการจับกุม พระพุทธะอิสระจะมาต่อรองว่าคนของตัวเองไม่มีความผิดไม่ได้
นายสุรพงษ์กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าสถานการณ์หลังจากวันที่ 6 พ.ค.จะไม่จำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยที่ผ่านมาเราทำหน้าที่ได้ดีพอสมควรภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และความวุ่นวายก็เบาบางลง ซึ่งกลุ่ม กปปส.ก็มีจำนวนคนน้อยลงอยู่ในหลัก 2,500-3,000 คน ส่วนใหญ่ก็เป็นการ์ด
ส่วนการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นำเดินขบวนไปหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเพื่อหาแนวร่วมนั้น ตนคิดว่าผู้บริหารรัฐวิสาหกิจต้อนรับนายสุเทพตามมารยาท เพื่อไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในองค์กร ถ้าไปคัดค้านก็กลัวว่าจะไปทำลายสถานที่ แม้ส่วนหนึ่งจะสนับสนุน กปปส.แต่การที่จะออกมาทั้งหมดคงไม่ใช่ และอยากฝากไปยังผู้บริหารรัฐวิสาหกิจว่า ถ้าบริหารหน่วยงานตัวเองได้ดีมีกำไร เพื่อประโยชน์ของประชาชน รัฐบาลจะได้สบายใจ วันหลังจะได้ไม่ต้องมาพึ่งพารัฐบาลมาก
ส่วนการทำงานของ ศอ.รส.หลังจากนายถวิล เปลี่ยนศรี กลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายสุรพงษ์กล่าวว่า คณะทำงาน ศอ.รส.ครั้งนี้ไม่มีตำแหน่งเลขาฯ สมช.ร่วมอยู่ นายถวิลก็ไม่ต้องเสียใจ และไปให้ทำงานในการดูแลปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แทน ส่วน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตเลขาฯ สมช.นั้นนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษา ศอ.รส.อยู่แล้ว
นายสุรพงษ์กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 11-12 พ.ค.นี้ ตนจะเสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้เดินทางไปประชุมอาเซียนซัมมิต เป็นการประชุมในระดับผู้นำอาเซียนเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2557 ที่เมืองเนปิดอว์ ประเทศพม่า เพราะในปี 2558 จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยนายกฯ อาจจะเดินทางเช้ากลับเย็นในวันที่ 11 พ.ค. การประชุมดังกล่าวมีความสำคัญมาก จะเป็นการสรุปของผู้นำอาเซียนว่ามีความพร้อมใน 3 เสาหลัก การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมอย่างไร โดยเฉพาะด้านการเมืองเราจะได้ชี้แจงให้เข้าใจถึงการก้าวไปของประเทศไทยที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยทุกฝ่าย และอยากจะมีการเลือกตั้ง แต่บังเอิญติดปัญหาบางประการที่กลุ่มผู้ประท้วงต้องการบางสิ่งบางอย่าง เราก็ต้องไปเล่าให้ฟัง
“เราต้องชี้แจงให้เข้าใจ เพราะวันนี้อาเซียนมองเราเป็นตัวถ่วงไม่ให้ก้าวต่อไปได้ สังคมโลกก็ไม่อยากมาลงทุนในอาเซียน หากมีความไม่สงบในประเทศใดประเทศหนึ่งขึ้น ฉะนั้นการเดินทางครั้งนี้ของนายกฯ เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้อาเซียน และสังคมโลกเข้าใจ ถึงพัฒนาการทางการเมืองของไทย ฝากไปถึงคนไทยทั้งประเทศว่า วันนี้เราเสียเวลามา 180 วันแล้ว และยังไม่มีรัฐบาลใหม่ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ไม่เช่นนั้นประเทศจะถอยหลังอย่างเดียว เราต้องเข้าสู่โหมดเดินหน้าได้แล้ว”
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตนต้องชี้แจงให้นายกฯ ฟัง ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศอ.รส.ด้วยว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย นายกฯ อาจจะไม่สามารถเดินทางไปเองได้ หรือแม้กระทั่งมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมา แล้วจะกระทบการทำงานของนายกฯ หรือไม่ แต่ถ้านายกฯ ไปไม่ได้ตนจะเป็นผู้แทนไปเอง
นายสุรพงษ์กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบกับ กกต. ในวันนี้ (29 เม.ย.) เพื่อเสนอทางออกของประเทศว่า หลังจาการเข้าพบหวังว่า นายอภิสิทธิ์จะประกาศว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมการเลือกตั้งโดยไม่มีข้อแม้ ถ้าประชาธิปัตย์ไม่บอยคอตการเลือกตั้งก็จะเป็นผลดี แสดงถึงความจริงใจที่นายอภิสิทธิ์ จะมาเป็นตัวกลางผสานเพื่อแก้ปัญหาให้แก่ประเทศ รวมถึงปัดข้อครหาว่านายอภิสิทธิ์คอยรับคำสั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.มาโดยตลอด นายอภิสิทธิ์ต้องทำตัวให้เป็นไท อย่าไปขึ้นอยู่กับนายสุเทพ ประกาศลงเลือกตั้งชัดเจน รับรองจบ