“สุรพงษ์” เตรียมสั่งลดกำลังทหาร เพิ่มตำรวจแทน รับมือ 2 ม็อบช่วงพฤษภาคมฯ พร้อมเล็งจับแกนนำ แย้มออกแถลงการณ์ ศอ.รส.ฉบับที่ 3 ยันมันแน่ ฉะ “อภิสิทธิ์” เดินสายหาทางออกประเทศ แค่ทำให้ตัวเองมีความสำคัญขึ้น ไร้ความจริงใจ เหน็บ “พล.อ.สายหยุด” คนแก่อายุมากจิตนาการเหมือนเด็ก
วันนี้ (28 เม.ย.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลองห้า จ.ปทุมธานี ว่าการขอต่ออายุ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงในการประชุม ครม.ครั้งนี้ ทาง ศอ.รส.เตรียมปรับกำลังตำรวจและทหารโดยจะปรับลดกำลังทหารลง 4,000 นาย และจะนำกำลังตำรวจเข้ามาเสริมแทน เนื่องจากทหารชั้นผู้น้อยที่เข้ามาดูแลความสงบถูกทำร้าย เพราะไม่สามารถพกพาอาวุธประจำกายได้เหมือนตำรวจ แต่ตำรวจสามารถป้องกันตัวเองได้ในกรณีเกิดเหตุสุดวิสัย ดังนั้นต้องรักษาขวัญกำลังใจของทหาร ตนได้คุยกับ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ในเรื่องดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. และนปช.ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจะมีมวลชนเข้ามาจำนวนมาก แล้วเท่าที่ติดตามดูทั้งสองฝ่ายคงจะไม่ยอมกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศเผด็จศึก ส่วน นปช.ประกาศจะมาปราบกบฏ จึงต้องเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยไม่ให้สองฝ่ายปะทะกัน รวมถึงการจราจรจะติดขัดจึงต้องการให้ตำรวจมาดูแลด้วย
“การต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคงครั้งนี้จะบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะการจับกุมแกนนำ และในวันที่ 29 เม.ย.ศอ.รส.จะออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ไม่บอกว่าเรื่องอะไร แต่รับรองว่ามันแน่ โดยแถลงการณ์ดังกล่าวแม้จะออกในนาม ศอ.รส. แต่ก็เป็นในส่วนของผู้บริหาร ไม่เกี่ยวกับทหารที่เป็นตัวแทนมาประชุม” นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงการเดินสายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายอภิสิทธิ์กำลังทำให้ตัวเองมีความสำคัญขึ้นหลังจากที่ได้ตัดสินใจผิดพลาด ตั้งแต่การเข้าร่วมกับกลุ่ม กปปส. โดยสนับสนุนให้มีการขัดขวางการเลือกตั้งและตัวเองบอยคอต วันนี้เป็นการหาโอกาสแก้ตัว
ดังนั้น สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ทำในวันนี้หวังอะไรไม่ได้ แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอโทษเหมือนกับนายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ แต่ทำไมตอนปี 2553 ถึงไม่ขอโทษ ทั้งที่เคยบอกว่าถ้ามีคนมาประท้วงหนึ่งคนจะลาออก นายอภิสิทธิ์เป็นคนไม่รักษาคำพูด ไม่น่าเชื่อถือ และไม่เชื่อมั่นว่าจริงใจต่อประเทศชาติ ส่วนใหญ่ทำเพื่อประโยชน์พรรคพวกและตัวเองเท่านั้น หวังความดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าคนอื่น ถ้าอยากจะทำเพื่อประเทศชาติจริงให้ไปพูดกับนายสุเทพและตกลงกันให้เรียบร้อย ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศชัดเจนว่ายินดีจะคุยกับนายอภิสิทธิ์
ส่วนที่ พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส.ออกมาระบุว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เห็นด้วยต่อการทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัยนั้น นายสุรพงษ์กล่าวว่า คนสนิทของ พล.อ.เปรมยืนยันแล้วว่าท่านไม่เอาด้วย ดังนั้น การที่ พล.อ.สายหยุดออกมาพูดอย่างนั้นไม่รู้ว่าเป็นการจินตนาการเองหรือไม่ เพราะบางทีคนแก่อายุมากอาจจินตนาการเหมือนเด็ก
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองถึงเวลาต้องพึ่งพระบารมีแล้วหรือยัง นายสุรพงษ์กล่าวว่า ต้องดูเหตุการณ์วันที่ 6 พ.ค. เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา ทั้งสองฝ่ายจะมีการประกาศจุดยืนที่ชัดเจน หากภาวะถึงขั้นวิกฤตส่วนใหญ่ประเทศไทยมักจะมีทางออก ถ้าย้อนกลับไปดูสมัยพฤษภาทมิฬ, 14 ตุลา ทุกอย่างประเทศไทยมักจะมีทางออก หวังว่าจะมีทางออกที่ดี