“สุรชัย” แนะสังคมจับตา ส.ว.ชุดใหม่จะทำหน้าที่อย่างอิสระ ไม่ถูกครอบงำจากการเมืองหรือไม่ พร้อมลงสนามชิงเก้าอี้ประธานวุฒิฯ โยนรัฐบาลรับผิดชอบ ถอดถอน “นิคม” เลยกรอบเวลาแล้วผิดกฎหมาย ให้กำลังใจ “มาร์ค” เดินสายหาทางออกประเทศ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภา ขอให้สังคมจับตาดูการทำหน้าที่ของวุฒิสภาชุดใหม่ในการประชุมวันที่ 2 พ.ค. 2557 หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งจนได้จำนวนครบตามที่กฎหมายกำหนดโดยหวังว่าวุฒิสภาชุดใหม่จะทำหน้าที่อย่างอิสระไม่ถูกครอบงำทางการเมือง
ทั้งนี้ยอมรับว่าจะมีการแข่งขันตำแหน่งประธานวุฒิสภาอย่างเข้มข้น เพราะมีความสำคัญต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่อาจเกิดสุญญากาศทางการเมือง แต่หวังว่าการแข่งขันจะอยู่ในกรอบของกติกา หากมีการเสนอชื่อตนเป็นประธานวุฒิสภาก็พร้อมที่จะแข่งขัน โดยเห็นว่าผู้ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติใดเป็นพิเศษ นอกจากการปฏิบัติให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ใน
ส่วนการทำหน้าที่ของวุฒิสภาหลังมีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมวุฒิสภาระหว่างวันที่ 2-10 พ.ค. 57 ที่กำหนดให้ประชุมใน 2 วาระ คือ การเลือก ป.ป.ช.คนใหม่ และผู้ทรงคุณวุฒิศาลปกครอง โดยเชื่อว่าจะทำงานได้ทันตามกรอบเวลาดังกล่าวแม้ว่าระยะเวลาจะกระชั้นชิดก็ตาม
ทั้งนี้ เห็นว่าความขัดแย้งทางความคิดเริ่มคลี่คลายลง จึงเชื่อว่าบรรยากาศในการประชุมจะดีขึ้นเพราะไม่มีปัญหาความหวาดระแวงว่าตนพยายามที่จะผลักดันให้มีการประชุมเพื่อถอดถอนโดยวุฒิสภาชุดเดิมมาเป็นเงื่อนไขแล้ว ส่วนการพิจารณาถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช ออกจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา ที่เลยกรอบ 20 วันหลังคณะกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องมายังวุฒิสภานั้น หากมีผู้เห็นว่าเป็นความผิดทางกฎหมายผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือรัฐบาล เพราะในส่วนของ ส.ว.ได้ทำหนังสือเพื่อขอให้เปิดประชุมแล้วแต่ฝ่ายบริหารไม่ดำเนินการเพราะเห็นว่ากรอบ 20 วัน ไม่ได้บังคับเป็นเพียงระยะเวลาเร่งรัดเท่านั้น แต่ในส่วนของ ส.ว.ได้ยืนยันชัดเจนว่าเป็นกรอบเวลาที่ต้องดำเนินการ
นายสุรชัยยังกล่าวให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ในระหว่างการเดินสายเสนอทางออกให้มีการปฏิรูปประเทศภายใต้กฎหมาย หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเห็นว่าเป็นธรรมดาของผู้ที่ทำงานให้บ้านเมืองที่จะต้องทนรับสภาพกับแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น และหวังว่านายอภิสิทธิ์จะไม่ท้อแท้ แต่สรุปแนวทางที่ได้ไปรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ มาเสนอเป็นทางออกให้กับประเทศ เชื่อว่าแม้แต่นายอภิสิทธิ์ก็คงไม่ทราบว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่เมื่อเดินหน้าแล้วก็ขอให้ทำต่อไป หากไม่สำเร็จก็ให้บอกประชาชนว่าไม่สำเร็จเพราะอะไร