สะเก็ดไฟ
ผวาปมถอดถอนกับแต่งตั้งบุคคลจนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากมาเรื่อยสำหรับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ล่าสุดยอมเคาะโต๊ะ มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ออกพระราชกฤษฎีกา เปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ
เพื่อรับรอง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง และประธานอนุคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว สินค้าเกษตร เป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนใหม่ หลังจากคณะกรรมการสรรหาส่งเรื่องมาตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน แต่รัฐบาลดันเล่นบทผีอีถ่วง งัดแงะกฎหมายต่างๆ นานา มาประวิงเวลา
เริ่มตั้งแต่การสวมบทศรีธนญชัย ตีความกฎหมายแบบมักง่าย เรื่องอำนาจการทูลเกล้าฯ ที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รักษาการประธานวุฒิสภา ทำเรื่องส่งมาให้ ครม. ออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อจะเปิดประชุมวุฒิสภารับรองบุคคล แต่รัฐบาลดันหูทวนลมตลบตะแลงว่า
ไม่สามารถเปิดได้ เพราะช่วงนี้อยู่นอกสมัยประชุม เป็นช่วงยุบสภา สุญญากาศตามกฎหมาย แล้วผู้นำความกราบบังคับทูลฯ และสนองพระบรมราชโองการ ต้องเป็นประธานรัฐสภา หรือรองประธานรัฐสภาเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ไม่มี ส่วน นายสุรชัย เป็นเพียงรักษาการประธานวุฒิสภาไม่สามารถเป็นผู้นำความกราบบังคมทูลฯ และรับสนองพระบรมราชโองการได้ โดยยกเอาความเห็นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เป็นเด็กในคอนโทรล มาแอบอ้าง
กระทั่งวุฒิสภามอบหมายให้ นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ทำหนังสือยืนยันคำตอบเดิมไปถึง ครม. ว่าทำได้ จนเกิดการดึงเวลากันไปมาไม่รู้กี่ตลบ รัฐบาลจำต้องสั่งให้ เลขาธิการ ครม. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาไปหารือร่วมกับเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อหาคำตอบว่าอำนาจในการทูลเกล้าฯ ออกพระราชกฤษฎีกาเป็นของใคร เพื่อลากยาวออกไปให้นานที่สุด แต่ดูวี่แววจะไร้ทางออก เพราะรัฐบาลพยายามยื้อสุดชีวิต
จนฝ่ายวุฒิสภาต้องเล่นบทเข้มออกมาขู่ฟ่อ ดังๆ ว่าเมื่อหาที่ยุติไม่ได้ อาจจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจว่าเป็นของใคร ให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
แต่มิวายผีอีถ่วง ก็ยังมีลูกล่อลูกชนเยอะ ปล่อยเด็กในคอนโทรลอย่าง นายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มาเป็นตัวละครใหม่ เพื่อเบรกเลขาธิการวุฒิสภา ให้เรื่องดูคาราคาซังเป็นลิงแก้แหให้มากที่สุด กลายเป็นความขัดแย้งกันระหว่างเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กับเลขาธิการวุฒิสภา ที่ต้องมาซัดกันเอง
วุฒิสภาอดรนทนไม่ได้ต่อไป จึงตีฆ้องขู่รัฐบาลผีอีถ่วงว่า จะเอาผิดข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นอำนาจการแต่งตั้งบุคคลเป็นหน้าที่ของวุฒิสภาตาม มาตรา 132 ทำเอารัฐบาลขี้ขึ้นสมอง ต้องเทกแอกชันเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อทบทวนใหม่
ก่อนจะมีมติยอมให้เปิดประชุมวุฒิสภาเพื่อแต่งตั้งบุคคลได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องของเรื่องก็เพราะรัฐบาลผีอีถ่วงผวาว่า หากปล่อยให้วุฒิสภานำเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความโอกาสจะออกมาเข้าทางวุฒิสภามีสูง ดีไม่ดีอาจดวงซวยสองเด้ง นอกจากจะเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่อแต่งตั้งบุคคลแล้ว จับพลัดจับผลูศาลรัฐธรรมนูญอาจตีความให้การเปิดประชุมวุฒิสภาครั้งนี้ สามารถถอดถอนบุคคลได้เลย
แล้วเรื่องจะซวยมาถึงคนในรัฐบาลที่กำลังจะถูก ป.ป.ช. ชี้มูล จำยอมข่มใจปล่อยให้มีการออกพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อรองรับบุคคลอย่างเดียว
ดังนั้น ที่ ครม. มีมติออกมาไม่ใช่เพราะใจดี เถรตรง แต่เพราะลูกเล่นลวดลายมันเยอะ !!!