กกต.เผยตั้ง 13 โจทย์ทำเลือกตั้งโมฆะ 2 ก.พ.ระดมความเห็นผู้บริหารกิจการงานบริหารเลือกตั้งพบคำตอบน่าพอใจ มีแนวโน้มจัดโหวตสำเร็จได้ ชงเข้าที่ประชุมใหญ่อังคารนี้ก่อนเสนอรัฐบาล พร้อมอุบคำตอบหวั่นงานเข้า
วันนี้ (27 เม.ย.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26-27 เม.ย.ที่ผ่านมา กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งได้ประชุมเพื่อหาแนวทางในการจัดเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปครั้งใหม่ โดยตนได้นำปัญหาจากการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตั้งเป็นโจทย์ 13 ข้อ ให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ กกต.ร่วมกันเสนอแนวทางป้องกันและแก้ไข โดยโจทย์ทั้ง 13 ข้อนั้น ประกอบด้วย 1. จะมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้การรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและจับสลากเลขหมายพรรคการเมืองประสบความสำเร็จ เพราะปัญหาจากการรับสมัครในครั้งที่ผ่านมาที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง แม้จะสำเร็จแต่ก็จบลงด้วยเหตุจลาจลวุ่นวาย กลายเป็นความสูญเสียทั้งต่อชีวิต และทรัพย์สิน ที่เป็นที่เสียใจของคนทั้งประเทศ 2. จะมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้การรับสมัคร ส.ส.เขต ทั้ง 375 เขตประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เนื่องจากในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามี 28 เขต ที่มีผู้ประสงค์จะสมัครแต่ไม่สามารถเข้าไปสมัครได้ ทำให้เป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 เป็นการเลือกตั้งที่มิชอบโดยไม่สามารถจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันเดียวกันทั้งประเทศ
นายสมชัยกล่าวว่า 3. การตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ที่ต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการอื่นๆจำนวน 13 หน่วยงานจะมีวิธีการประสานงานให้เกิดความถูกต้องและได้รับคำตอบตามกำหนดการได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาระยะเวลา 7 วันที่กำหนด หน่วยงานบางหน่วยงานไม่สามารถตรวจสอบและส่งข้อมูลกลับคืนมาในเวลาที่กำหนด ทำให้ผลการประกาศในรอบแรกมีความผิดพลาดอยู่จำนวนหนึ่ง 4. จะมีวิธีการอย่างไรหากกระบวนการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งหากถูกขัดขวาง เพราะที่ผ่านมาโรงพิมพ์ที่จัดพิมพ์ถูกปิดล้อมไม่ให้พนักงานเข้าไปปฏิบัติงาน แท่นพิมพ์ถูกทำลาย ทำให้กระบวนการจัดพิมพ์มีความล่าช้ากว่ากำหนด 5. การขนส่งบัตรจากส่วนกลางไปยังแต่ละจังหวัดจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ ถูกสกัดกั้น โดยในสถานการณ์ที่ผ่านมาการขนส่งบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของภาคใต้ทั้งหมด ถูกสกัดไว้ที่ศูนย์จ่ายไปรษณีย์ 3 แห่ง คือ ไปรษณีย์ชุมพร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำให้ภาคใต้ทั้งภาคไม่สามารถจัดการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อได้แม้แต่จังหวัดเดียว
นายสมชัยกล่าวต่อว่า 6. การกระจายบัตรและอุปกรณ์เลือกตั้งต่างๆ ให้แก่กรรมการประจำหน่วย (กปน.) จะมีวิธีการอย่างไร ที่จะทำได้โดยไม่ถูกขัดขวาง กรณีดังกล่าวเป็นปัญหาอย่างยิ่งเนื่องจากต้องเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากนับล้านคน และต้องกระทำโดยเปิดเผยโปร่งใส จึงมีจุดอ่อนที่อาจถูกขัดขวางไม่ให้กระทำได้สำเร็จได้โดยง่าย ซึ่งหากการกระจายบัตรและอุปกรณ์ไม่สามารถกระจายถึงหน่วยเลือกตั้งใด หน่วยเลือกตั้งนั้นไม่สามารถเปิดให้มีการเลือกตั้งได้
7. วันเลือกตั้งล่วงหน้า ที่มีหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งแบบในเขตและนอกเขต ประมาณ 1,100 หน่วย จะมีวิธีการอย่างไรไม่ให้หน่วยเลือกตั้งดังกล่าวถูกขัดขวางจนไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้เกิดความสำเร็จได้ และหากไปจัดการภายหลังวันเลือกตั้งก็เป็นกรณีที่ผิดกฎหมายอีก 8. การจัดหา กปน.จะมีวิธีการอย่างไรในกรณีที่มีการถอนตัวอย่างกะทันหัน ทั้งนี้ รวมถึง กกต.จังหวัด และ ผอ.กต.จังหวัด ที่อาจถูกข่มขู่คุกคามให้ถอนตัว จนเป็นอุปสรรคต่อการจัดการเลือกตั้ง โดยต้องมองถึงสถานการณ์ที่ฉุกเฉินที่สุด คือ การถอนตัวอย่างกะทันหันในวันเลือกตั้งด้วย
นายสมชัยกล่าวอีกว่า 9. การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร จะมีวิธีการอย่างไรเพื่อให้มีประชาชนผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนไทยในต่างประเทศมาใช้สิทธิเลือกตั้งในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป 10. การจัดส่งบัตรเลือกตั้งจากประเทศต่างๆ จะมีวิธีการควบคุมอย่างไร ให้บัตรกลับมาประเทศไทยครบและตรงตามกำหนด เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาในกรอบเวลาที่จำกัด ทำให้การจัดส่งถุงเมล์กลับมามีการสูญหาย 11. ในวันเลือกตั้งจริงหากมีการขัดขวางการเลือกตั้ง ทำให้กรรมการไม่สามารถไปปฏิบัติหน้าที่ได้ ขัดขวางไม่ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ และการขัดขวางในระหว่างการนับคะแนน จะมีแนวทางการจัดการที่เหมาะสมอย่างไรที่ไม่พัฒนาไปสู่เหตุการณ์รุนแรงจนเกิดการปะทะ สูญเสีย หรือนำไปสู่เหตุการณ์จลาจลในวงกว้างได้
12. การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการหรือศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้ ให้เป็นศูนย์ที่สามารถติดตามสถานการณ์และรายงานสถานการณ์ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งแบบทันเวลา เพื่อการตัดสินใจแก้ไขปัญหาแบบมีประสิทธิภาพ และ13. ปัญหาการใช้สื่อวิทยุท้องถิ่น และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีผลต่อบรรยากาศของการเลือกตั้งจะมีช่องทางทางกฎหมายอย่างไรเพื่อจัดการในประเด็นดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่าการให้ข่าวสารแก่ประชาชนผ่านสื่อทั้งสองประเภท ไม่ว่าจะเป็นวิทยุชุมชน หรือ สื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ เป็นมูลเหตุสำคัญของการสร้างอารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรง การให้ข้อมูลที่ผิด การใส่ร้ายป้ายสี ไปจนถึงการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต่างๆและนำไปสู่ความไม่สงบในการเลือกตั้งได้
นายสมชัยกล่าวว่า จากการประชุมที่ผ่านมา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง สามารถหาคำตอบกับโจทย์ทั้ง 13 ข้อ ที่อาจเป็นปัญหาต่อการจัดเลือกตั้ง ซึ่งคำตอบที่ได้มานั้นพบว่าเป็นที่น่าพอใจ และเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ทำให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จได้ โดยตนจะนำผลคำตอบนี้เข้าที่ประชุมกกต.ได้ในวันที่ 29 เม.ย. เพื่อนำไปเป็นข้อมูลประกอบการหารือกับรัฐบาลในวันที่ 30 เม.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม คำตอบดังกล่าวนี้ กกต.จะไม่เปิดเผยให้สาธารณะได้ทราบ เนื่องจากจะนำไปใช้ปฏิบัติจริงเพื่อเป็นแนวทางและมาตรการป้องกันหากการเลือกตั้งเกิดปัญหาหรือถูกขัดขวาง กกต.เกรงว่าหากเปิดเผยออกไปแล้วจะทำให้เกิดอุปสรรคได้