รองโฆษก ปชป.แจง หน.พรรคเสนอตัวหาทางออกชาติ ขอ พท.และทุกองค์กรอย่างเพิ่งตัดไมตรี วอนให้คุยกันก่อน แก้วิกฤตเริ่มที่เจรจา ตอก “ไพร่เทียม” มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ไม่ใช่สภาโจ๊กที่จะมาล้อเล่น เย้ยขัดแย้งจบลงกลัวตกจากอำมาตย์ ดักพวกขวางรับใบสั่งของคนที่หวังหาทางออกแบบรอดคุก ชี้ “อภิสิทธิ์” เคลื่อนไหวส่วนตัวไม่เกี่ยวพรรค กันข้อครหา
วันนี้ (25 เม.ย.) นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอตัวขอหาทางออกให้กับประเทศท่ามกลางวิฤตที่เพิ่มมากขึ้น ขอให้พรรคเพื่อไทยและทุกองค์กรอย่าพึ่งตัดไมตรี และขอให้ติดตามดูและพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์เสียก่อน เพราะหากทุกคนมุ่งหวังที่จะให้ประเทศพ้นจากวิกฤตได้จำเป็นจะต้องฟังและเริ่มต้นเจรจา แต่หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถเริ่มนับหนึ่งได้ นายอภิสิทธิ์ก็พร้อมที่จะเริ่มนับหนึ่งให้ประเทศไทยมีการพูดจาหาทางออก
ส่วนท่าทีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมว.พาณิชย์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยกับการหาทางออกของประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ในวันนี้ นายจุฤทธิ์กล่าวว่า ถือเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่มีลักษณะมือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ และกำลังสับสนบทบาทตนเอง เพราะสิ่งที่นายอภิสิทธิ์กระทำเป็นการหาทางออกให้กับประเทศจริงๆ ไม่ใช่เป็นการโต้วาที หรือสภาโจ๊ก ที่จะนำบทบาทของตนเองมาล้อเล่นกับวิกฤตของประเทศในวันนี้
“ผมเข้าใจดีว่านายณัฐวุฒิเติบโตมาถึงวันนี้ได้เพราะอาศัยความขัดแย้งทางการเมือง จึงเกรงว่าถ้าความขัดแย้งหมดไปตัวเองจะตกงาน และไม่ได้เป็นอำมาตย์อีก จึงเดินหน้าขัดขวางการหาทางออกให้ประเทศ และเชื่อว่าในอนาคตถ้าจะมีคนออกมาขัดขวางอีก ก็เข้าใจได้ว่าจะเป็นคนที่ได้รับใบสั่งของคนที่กำลังหาทางเข้าประเทศไทยแบบไม่ต้องติดคุก จึงขอร้องไปทุกหน่วยงานที่นายอภิสิทธิ์จะเข้าไปเจรจาด้วยช่วยตอบรับไมตรีและหาทางออกให้กับประเทศ”
ทั้งนี้ นายจุฤทธิ์ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ครั้งนี้เป็นในนามส่วนตัว ไม่ใช่ในนามพรรคประชาธิปัตย์เพราะต้องการหาทางออกโดยไม่มีเสื้อ หรือความเป็นพรรคการเมืองไปเจรจาต่อรอง มิเช่นนั้นจะเกิดการเข้าใจผิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ฉกฉวยโอกาสนี้ จึงต้องถอดเสื้อพรรคออกเพื่อต้องการให้การเมืองที่วิกฤตอยู่ทุกวันนี้ได้มีทางออกจริงๆและคิดว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่เข้าใจในบทบาทของนายอภิสิทธิ์ที่ทำอยู่ขณะนี้และเชื่อว่าทุกคนในพรรคก็ตั้งใจหาทางออกให้กับประเทศ
“ผมเชื่อว่าที่สุดจะยอมรับข้อเสนอทางออกประเทศอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ถือว่าผิดปกติ และการหาทางออกให้กับประเทศครั้งนี้เป็นคนละเรื่องกับการหาทางออกให้กับการเลือกตั้ง”