xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ขอเจรจา-เปลี่ยนแปลงใหญ่เดือนเมษาฯ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน


มีความเคลื่อนไหวล่าสุดกันอีกรอบสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร คราวนี้มาในแนวใหม่มาแบบอ่อนข้อขอเจรจา ไม่อาฆาตใคร และน่าสนใจก็คือมีการบอกใบ้ว่า“จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในเดือนเมษายน”

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากสถานการณ์จริงในปัจจุบันมันก็เป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่จริงๆ เพียงแต่ว่าจะเปลี่ยนไปทางไหน เป็นบวกหรือเป็นลบเท่านั้นเอง

ขณะเดียวกันถ้าพิจารณากันจากนิสัยสันดานของ ทักษิณ ชินวัตร มันสามารถอธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เพราะนิสัยของเขาถ้ายังอยู่ในภาวะได้เปรียบ หรือกำลังกุมสภาพได้อย่างเบ็ดเสร็จ เขาไม่มีทางอ่อนข้อ หรือขอเจรจาแบ่งประโยชน์เป็นอันขาด เนื่องจากเขาเป็น“นักกินรวบ” ไม่ชอบกินแบ่ง

แต่ด้วยสถานการณ์ที่รุมเร้าเข้ามาพร้อมกันทุกด้าน ทำให้พวกเขาต้องถอยร่น จนแทบจะติดมุม ทุกอย่างไม่เป็นใจ ศูนย์กลางอำนาจผ่านทางรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กว่าสองปีก็ไร้ผลงานที่โดดเด่น ไม่มีอะไรน่าประทับใจ สร้างความผิดหวังแม้กระทั่งพวกเดียวกัน กลายเป็นว่าฝ่ายที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ล้วนแล้วแต่คนกันเอง คนในครอบครัวชินวัตรเท่านั้นที่รวยกันเละ เอาเปรียบคนอื่นได้ทุกเรื่อง และสาเหตุที่เกิดปรากฏการณ์เรียงหน้ากันขับไล่อย่างที่เห็นกันอยู่ในเวลานี้

ความเคลื่อนไหวเสนอร่างกฎหมายลบล้างความผิดให้ตัวเอง การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผูกขาดอำนาจ และผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำให้ชาวบ้านตาสว่างและทนไม่ไหว ความรับรู้ถึงเรื่องการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง การคิดแบ่งแยกดินแดนเป็น สปป.อีสานล้านนา อะไรเป็นต้น หรือแม้แต่ความล้มเหลวในเรื่องโครงการประชานิยมสารพัดจนกระทั่งมาถึงความล้มเหลวในโครงการรับจำนำข้าว ที่เกิดการทุจริต ทำให้ต้องขาดทุน สูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปจำนวนไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนล้านบาท

ทุกอย่างล้วนเป็นความล้มเหลวและเห็นแก่ตัวของ ทักษิณ ชินวัตร และวงศ์วานของพวกเขาทั้งสิ้น เพราะผลประโยชน์ไม่ได้ตกลงมาถึงชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย อย่างมากก็เป็นแค่เศษเงินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

แม้ว่าในเวลานี้สถานการณ์กำลังพลิกกลับจนต้องถอยร่นจนแทบจะติดมุมอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังสามารถคุมอำนาจรัฐ มีกลไกอยู่ในมือ จนสามารถยันเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ถึงจะไม่เต็มร้อยเหมือนก่อน แต่ก็ยังไม่พังครืนลงมาทันที

ดังนั้นด้วยสถานการณ์ดังกล่าว มองอีกมุมหนึ่งมันก็คงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ต้องส่งสัญญาณเจรจา แต่ในความหมายที่ว่า“สู้พลางถอยพลาง” เพราะภาวะแบบนี้เขาไม่อาจรุกไปข้างหน้าได้ ทุกอย่างถดถอย ไม่ว่าจะเป็นมวลชนคนเสื้อแดงที่มีปริมาณน้อยลงจนน่าใจหาย บรรดาข้าราชการที่อยู่สังกัดก็เริ่มวางเฉย หลายคนก็เริ่มตีตัวออกห่าง ที่สำคัญไม้เด็ดก็คือเป้าหมาย“เลือกตั้ง”ยังไม่สามารถทำได้ ทำให้ยังคาราคาซัง และเมื่ออยู่ในสถานการณ์ยืดเยื้อไม่อาจหวนกลับคืนสู่อำนาจรัฐได้อย่างเต็มที่ สั่งการใครไม่ได้ ทำให้ชะงักไปหมด เมื่อเป็นแบบนี้มันก็คงไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปกว่าการเจรจา แต่เป้าหมายข้างหน้าก็คือมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหากให้เดาทางกัน เชื่อว่าในที่สุดแล้ว ฝ่าย ทักษิณ ต้องยอมให้มีนายกฯคนกลางที่ตัวเองก็เห็นชอบ หลักการก็คือ “ถอยเพื่อรอจังหวะรุก”

อย่างไรก็ดีเงื่อนไขในเวลานี้มันเปลี่ยนไปจากเดิมแทบจะสิ้นเชิง เปลี่ยนไปจากยุครัฐปรัหาร “หน่อมแน้ม” เมื่อปี 49 หรือในยุครัฐบาล “ขิงแก่”ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ คราวนี้ไม่มีการรัฐประหาร เพราะใครไม่ต้องการให้เกิด แต่เป็นการขับไล่ของประชาชนที่ตื่นรู้ ได้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เห็นความชั่วช้าของบรรดาลิ่วล้อ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเวลานี้“ไม่เข้าทาง”สักเรื่องเดียว

สิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร บอกว่า ไม่อาฆาต พร้อมเจรจา ขณะเดียวกัน ที่บอกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในช่วงเดือนเมษายน ก็เห็นจะจริงเหมือนกัน เพราะในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการชี้มูลความผิดของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีความผิดจากกรณีย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากเลขาฯสภาความมั่นคงแห่งชาติ ความหมายน่าจะออกมารูปนี้มากกว่า หรืออาจจะออกมาแบบยอมเปิดทางให้มีนายกฯคนกลางตามมาตรา7 ตามที่ให้มือกฎหมายส่วนตัวอย่าง ชัยเกษม นิติศิริ และ โภคิน พลกุล ออกมาโยนหินถามทางก่อนหน้านี้ไปแล้ว

ดังนั้นหากจะเปลี่ยนแปลงใหญ่ก็น่าจะมีสองกรณีดังกล่าวเท่านั้น แต่กรณีอย่างหลังก็ถือว่าสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ก็เสียหายไม่มาก เพียงแค่สูญเสียกำไรบางส่วนเท่านั้น !!
ชัยเกษม นิติศิริ
 ม็อบกปปส.
กำลังโหลดความคิดเห็น