ศอ.รส.รับทราบตำรวจเร่งดำเนินคดี “โกตี๋” หมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามบัญชานายกฯ คาดออกหมายจับพรุ่งนี้ เตือนผู้เผยแพร่คลิปอาจผิดมาตรา 112 ด้วย พร้อมขู่หน่วยงานราชการหนุน กปปส.อาจถูกดำเนินคดี ช่วงสงกรานต์ ศอ.รส.งดประชุม
น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า ศอ.รส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โดยมีข้อความเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นการล่วงละเมิดต่อสถาบัน ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินคดีโดยเร็ว ในวันนี้ (10 เม.ย.) สตช.โดยกองบังคับการปราบปรามได้รับคดีและเริ่มสอบสวนแล้ว โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะขอศาลอนุมัติหมายจับได้ภายในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) ศอ.รส.จึงได้กำชับให้พนักงานสอบสวนให้เร่งรัดดำเนินคดีโดยเร็ว และให้ติดตามการกระทำผิดในลักษณะนี้ โดยจะต้องดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดทุกรายไม่มีละเว้น
ทั้งนี้ ศอ.รส.ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่า การเผยแพร่หรือส่งต่อคลิปวิดีโอดังกล่าวอาจถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี นอกจากนี้ยังอาจถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 อีกด้วย
น.ส.สิริมากล่าวต่อว่า ศอ.รส.ได้รับรายงานว่าช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรี จากกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลความผิดในกรณีโครงการรับจำนำข้าว แกนนำทั้งสองฝ่าย คือ กลุ่ม กปปส. และกลุ่ม นปช.ได้มีการปลุกระดมให้มวลชนจำนวนมากเข้าร่วมชุมนุมกับฝ่ายตนในลักษณะท้าทายแข่งขันกัน ศอ.รส.มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งว่าการระดมมวลชนในลักษณะดังกล่าวอาจเป็นชนวนเหตุของการปะทะหรือเผชิญหน้า รวมถึงการก่อเหตุร้ายด้วย
ดังนั้น ศอ.รส.จึงขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการสนับสนุนในทุกรูปแบบ ไม่ว่ากับกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่ม นปช. และขอเรียกร้องไปยังแกนนำทั้งสองกลุ่มให้คำนึงถึงเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และ ศอ.รส.จะได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด หากเกิดการกระทำผิด แกนนำของผู้ชุมนุมทุกคนจะต้องรับผิดทั้งทางอาญา และทางแพ่งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ศอ.รส.ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะปฏิบัติหน้าที่โดยการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียม
น.ส.สิริมากล่าวว่า ตามที่กลุ่ม กปปส.ได้ประกาศว่าจะคืนพื้นที่หน่วยงานราชการต่างๆ ที่เคยถูกกลุ่ม กปปส.ปิดให้กลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง โดยกำหนดเงื่อนไขว่าหน่วยราชการนั้นต้องติดป้ายสนับสนุนกลุ่ม กปปส. และไม่ให้รัฐมนตรี (รมต.) เข้าปฏิบัติหน้าที่นั้น ศอ.รส.เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง และการที่กลุ่ม กปปส.กำหนดเงื่อนไขให้หน่วยราชการต้องแสดงตัวว่าสนับสนุนกลุ่ม กปปส.อาจทำให้ประชาชนที่รับบริการจากหน่วยราชการนั้นเกิดความรู้สึกไม่สบายใจได้ นอกจากนี้ การประกาศห้ามรัฐมนตรีเข้าปฏิบัติหน้าที่ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่องานราชการเป็นอย่างมาก ซึ่งในที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าวก็คือประชาชน
ทั้งนี้ ศอ.รส.ขอย้ำว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และแกนนำ อีก 58 ราย เป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษซึ่งถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆ เช่น การขัดขวางการเลือกตั้ง และการบุกรุกสถานที่ราชการ ดังนั้น หากหน่วยราชการใดแสดงการสนับสนุน กปปส.ตามที่ กปปส.เรียกร้อง ศอ.รส.จะถือว่าหน่วยราชการดังกล่าวให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดกฎหมาย และอาจต้องถูกดำเนินคดีในโอกาสต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ คณะทำงาน ศอ.รส.กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ศอ.รส.จะงดประชุมตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย.นี้ แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ยังคงปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และเฝ้าติดตามสถานการณ์ตามปกติ การปรับลดกำลังเจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม และความจำเป็น