โฆษก ปชป.ห่วงเกิดความรุนแรงช่วงเมษาฯ เหตุ “ยิ่งลักษณ์” ปฏิเสธอำนาจศาลฯ องค์กรอิสระ ใช้แดงกดดันเพื่อไม่ต้องได้รับโทษ ซัดพฤติกรรมสองมาตรฐาน อ้าง รธน.เพื่อยื้อเก้าอี้ แต่พอองค์กรอิสระวินิจฉัยตามอำนาจที่ รธน.กำหนดกลับไม่ยอมรับ ประเมิน 5 ปัจจัยทำม็อบแดงกร่อย ทั้งขาดประเด็นเคลื่อนไหว หักหัวคิว นิยมก่อเหตุรุนแรงแล้วทิ้งผู้ชุมนุม บริหารแบบทุนสามานย์ จี้ “ปู” ปลอดล็อกการเมือง เลิกเป็นอุปสรรคแก้วิกฤตชาติ ย้ำ ปชป.พร้อมลุยเลือกตั้งหากทำให้ทุกคนยอมรับ เร่งแผนปฏิรูปประเทศ ปัดฝุ่นผลงาน เปิดแผนใหม่ฟื้นศรัทธาประชาชน ให้โอกาส “อภิสิทธิ์” เป็นผู้นำประเทศ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ที่ประชุมพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ระเบียบตามแนวทางที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การจัดผังเจ้าหน้าที่ที่จะมีการแต่งตั้งเพิ่มเติมตามโครงสร้างใหม่ โดยมีมติเห็นชอบตามที่คณะทำงานเสนอมา และหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งเห็นตรงกันว่าเดือนเมษายนนี้จะเป็นเดือนสำคัญที่จะมีเหตุการณ์หลายอย่างทางการเมืองเกิดขึ้น ทั้งกรณีที่ ป.ป.ช.จะชี้มูลการทุจริตจำนำข้าวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และการชี้สถานภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าพ้นสภาพหรือไม่ ทั้งนี้ พรรคฯ มีความเป็นห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงช่วงหลังสงกรานต์ เพราะอาจมีการปฏิเสธรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. หากชี้มูลเป็นโทษต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยจะมีขบวนการใช้มวลชนกดดันเพื่อไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับโทษตามกฎหมาย จึงขอให้พรรคเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ภายใต้กฎหมายเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน แต่น่ากังวลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่มีท่าทีดังกล่าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าพรรคพร้อมลงสู่สนามเลือกตั้งที่ประชาชนให้การยอมรับ โดยต้องเริ่มต้นจากการยอมรับกระบวนการยุติธรรม เดินหน้าปฏิรูปอย่างจริงจัง วางแผนประเทศไทยอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากวังวนแห่งความขัดแย้งอย่างชัดเจน แต่พรรคเพื่อไทยก็ปฏิเสธข้อเสนอของพรรคมาอย่างต่อเนื่อง
นายชวนนท์กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับอำนาจศาลหากคำตัดสินไม่เป็นคุณ โดยย้ำว่าต้องรักษาการในตำแหน่งนายกฯ เพราะระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อศาลจะวินิจฉัยกลับพูดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มีท่าทีปฏิเสธเงื่อนไขที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ ถือเป็นพฤติกรรมสองมาตรฐานอย่างชัดแจ้ง และยังมีการใช้ความรุนแรงเหมือนเดิม
โฆษกพรรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การที่คนเสื้อแดงมาไม่มากในการชุมนุมที่ถนนอักษะในวันที่ 5 เม.ย. 57 ตามที่แกนนำประเมิน พรรคเห็นว่าน่าจะมาจาก 1. การขาดประเด็นที่ชัดเจนในการเคลื่อนไหว 2. มีการหักค่าหัวคิวค่าจ้างชุมนุมโดยแกนนำทำให้มีการต่อต้านจากบางพื้นที่ 3. การใช้มวลชนเสื้อแดงมักจบที่ความรุนแรงโดยแกนนำทิ้งมวลชน 4. มวลชนต้องรับโทษขณะที่แกนนำเสวยสุข 5. สองปีที่ผ่านมาการทำงานพรรคเพื่อไทยไม่ได้ตอบสนองการพัฒนาของรากหญ้าแต่ทำงานแบบทุนสามานย์หากินกับนายทุน มีปัญหาโครงการจำนำข้าวทำให้ชาวนาไม่ร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงอีก
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังไม่มีการทบทวนการทุจริต โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว นอกจากการใช้วิธีถ่วงเวลา และเชื่อว่าการที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกฯ และ รมว.คลัง ขอเลื่อนการให้ปากคำเพราะต้องการถ่วงเวลา แต่ยุทธศาสตร์เช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์จะทำให้ประเทศหาทางออกไม่ได้ จึงขอเรียกร้องให้แสดงความจริงใจในการหาทางออกให้ประเทศ เพราะการเลือกตั้งเกิดขึ้นไม่ได้เนื่องจากพรรคเพื่อไทยยังไม่มีสำนึกปรับปรุงพฤติกรรม ทำให้คนไทยไม่ยอมรับการเลือกตั้ง ดังนั้นเงื่อนไขที่จะปลดล็อกความขัดแย้งจึงอยู่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่จะเปิดทางปฏิรูปและให้เกิดการเจรจาในการแก้ปัญหาประเทศต่อไป
นายชวนนท์กล่าวว่า การที่ กปปส.มีการพูดถึงรัฏฐาธิปัตย์ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ไม่เดินหน้าปฏิรูปประเทศ ทำให้การเรียกร้องขยายวงออกไป จึงต้องเริ่มต้นจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้เกิดการเจรจาก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จึงจะเป็นคำตอบที่ยั่งยืนสำหรับประเทศเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง
“ระหว่างนี้พรรคจะเริ่มเดินหน้าในเรื่องการปฏิรูปประเทศ โดยนายอภิสิทธิ์มอบให้นายอภิรักษ์รวบรวมผลงานพรรคและแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับแนวคิดปฏิรูปทั้ง 7 ด้าน จะมีการจัดทำเว็บไซต์เพิ่มเพื่อแสดงการปฏิรูปประเทศที่พรรคได้ทำมาในอดีตและที่จะทำในอนาคต รวมทั้งเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับประชาชนให้เกิดความเข้าใจต่อแนวทางการปฏิรูปประเทศซึ่งจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป และอาจจะมีการเดินทางลงพื้นที่เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและเข้าถึงแนวทางของพรรคอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งการตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนจะเป็นตัวชี้วัดว่าประชาชนจะให้โอกาสนายอภิสิทธิ์กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและให้พรรคเข้าไปบริหารประเทศหรือไม่”