xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.เข็นธุรกิจถ่านหินเข้าเทรดในอินโดฯ รอจังหวะราคาฟื้นตัวภายใน 2 ปีข้างหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปตท.รอจังหวะราคาถ่านหินฟื้นตัว เข็นบริษัทลูก “Sakari” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อินโดนีเซีย หลังเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสิงคโปร์ คาดเห็นความชัดเจนไม่เกิน 2 ปีนี้

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.มีแผนที่จะนำธุรกิจถ่านหินเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินโดนีเซีย หลังแนวโน้มราคาถ่านหินในตลาดโลกมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีความพร้อมในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนไม่เกิน 2 ปีนี้

ซึ่ง ปตท.เห็นว่าราคาถ่านหินในตลาดโลกที่เหมาะสมในการนำบริษัท Sakari เข้าตลาดหลักทรัพย์ควรอยู่ที่ 90-100 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปัจจุบันราคาถ่านหินอยู่ระดับ 70 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน คาดว่าภายในปีนี้อาจเห็นราคาถ่านหินขยับขึ้นไปอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน หลังจากความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้นในการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าในจีน อินเดียและญี่ปุ่น เป็นต้น

ส่วนกำลังการผลิตถ่านหินที่เหมาะสมก็น่าจะอยู่ระดับ 15 ล้านตัน/ปี ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่เหมืองถ่านหินของ ปตท.ทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่สถานการณ์ราคาถ่านหินไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่เร่งรีบขุดถ่านหินมาจำหน่ายมากนัก จากปริมาณสำรองถ่านหินที่มีอยู่กว่าพันล้านตัน กอปรกับบริษัทฯ ก็มองหาโอกาสที่จะลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมด้วย แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ผลีผลาม

“เดิมบริษัทฯ มีแผนจะนำบริษัท Sakari ซึ่งดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่อินโดนีเซีย หลังจากเพิกถอนหุ้นดังกล่าวออกจากตลาดหลักทรัพย์ที่สิงคโปร์เนื่องจากภาวะตลาดถ่านหินไม่ดีในช่วงที่ผ่านมาจึงต้องเลื่อนแผนการเข้าตลาดหุ้นไปก่อนจนกว่าราคาจะฟื้นตัว ซึ่งระหว่างนี้บริษัทหันมาเน้นปรับโครงสร้างองค์กร กระบวนการผลิต และแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำที่สุด รอจังหวะตลาดถ่านหินฟื้นตัว ซึ่งการนำธุรกิจถ่านหินเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เหมือนกับการนำธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท.เข้าตลาดหุ้นไทยเพื่อให้ธุรกิจมีแหล่งเงินทุนในการขยายการลงทุนต่อเนื่องไปได้”

โดยปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายผลิตถ่านหิน 8-10 ล้านตัน/ปี ลดลงปีก่อนที่ผลิตอยู่ 11 ล้านตัน และต่ำกว่าแผนงานเดิมที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะผลิตที่ 17 ล้านตัน และในปี 2563 จะผลิตเพิ่มเป็น 70 ล้านตัน ส่วนกำไรจากธุรกิจถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐจากปีก่อน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

ก่อนหน้านี้ ปตท.ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท Sakari Resources Limited (SAR) ซึ่งทำธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียโดยหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 94% ก่อนที่จะเพิกถอน SAR ออกจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่ง SAR ทำเหมืองถ่านหิน Sebuku และ Jembayan ในอินโดนีเซียที่มีการผลิตแล้ว และยังถือหุ้นในโครงการอื่นๆ ด้วย เช่น การได้สิทธิในการดำเนินการศึกษาแหล่งถ่านหินในประเทศบรูไน และเหมืองถ่านหินใน Sakoa Coal Basin ในประเทศมาดากัสการ์

การตัดสินใจรุกธุรกิจถ่านหินของ ปตท.นี้ เนื่องจากเห็นว่าถ่านหินเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีปริมาณสำรองจำนวนมากเมื่อเทียบกับน้ำมันและก๊าซฯ ซึ่งในอนาคตถ่านหินอาจมีบทบาทมากขึ้น แม้ว่าขณะนี้ไทยให้ความสำคัญต่อพลังงานถ่านหินค่อนข้างน้อยก็ตาม โดย ปตท.ต้องการเป็นเจ้าของพลังงานอย่างครบวงจรทั้งถ่านหิน ก๊าซฯ และน้ำมันดิบ เพื่อเสริมความมั่นคงของประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น