xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ฉะ พท.ขายชาติใส่ร้ายศาล จี้ ตร.น้ำดีสางปมฆ่า คปท. ปกป้อง ปชช. - “มาร์ค” กลับเข้าพรรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.เข้าพรรคครั้งแรกหลังอุบัติเหตุลื่นล้ม โฆษก ปชป.ฉะ พท.แหลศาลแกล้ง ยันย้ายเลขาฯ สมช.ยุค ปชป.ไม่ได้เอื้อประโยชน์แบบ รบ.ปู จวก “พงศ์เทพ-ปึ้ง” จ้อสื่อนอกใส่ร้ายศาล ใช้โลกล้อมประเทศ ขายชาติสนองการเมือง ย้ำฝืนเลือกตั้งไม่ใช่ทางออก ต้องหารือ ปชช. ชี้ลอบฆ่า คปท.ทำเป็นระบบ ขอ ตร.น้ำดีคลายปม ปกป้อง ปชช.ชุมนุมใหญ่ หลังส่อมีป่วน เหตุ “เหลิม” พึ่งไม่ได้ คาดตัดตอนบึ้มมีนบุรี หวั่นโยง พท.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ของวันนี้ (3 เม.ย. 57) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ามายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์เป็นครั้งแรก หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุล้มที่บ้านพักทำให้ไหปลาร้าหักเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 57 จนต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และแพทย์มีคำแนะนำให้หยุดเคลื่อนไหวเป็นเวลา 1 สัปดาห์เพื่อให้กระดูกเชื่อมติดกัน โดยได้ติดตามผลสรุปการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2556 ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28-29 มี.ค. แต่นายอภิสิทธิ์ไม่มีโอกาสได้เดินทางไปเนื่องจากประสบอุบัติเหตุ และยังได้พิจารณาข้อเสนอจากการทำสมัชชาประชาชนเกี่ยวกับแนวทางปฏิรูปประเทศด้วย นอกจากนี้ยังมีการหารือกับแกนนำพรรคเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองด้วย

ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องวุฒิสภาวินิจฉัยการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 ซึ่งจะส่งผลให้สถานะนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดหรือไม่ว่า เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายให้ความสนใจและจับตาดู โดยมีความพยายามที่จะโจมตี บิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมสับสนว่าศาลกลั่นแกล้งพรรคเพื่อไทย โดยสมาชิกพรรคเพื่อไทยออกมาเปรียบเทียบกับการย้ายเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติในยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีการดำเนินการแบบเดียวกับกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ทั้งที่แตกต่างกันคือ 1. การโยกย้ายในสมัยอภิสิทธิ์ เป็นการเปลี่ยนแปลงตามปกติ 2. ไม่มีการร้องเรียนแต่อย่างใด และ 3. ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับญาติพี่น้องของนายอภิสิทธิ์ ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยต้องหยุดทำร้ายประเทศไทยด้วยการโกหกเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง

“ตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมามีการโยกย้ายข้าราชการนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีการร้อง ยกเว้นกรณีนายถวิลที่มีการขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครอง และศาลได้ชี้แล้วว่าเป็นการโยกย้ายที่มิชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร พรรคเพื่อไทยและน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องยอมรับ เนื่องจากปัญหาเกิดจากผู้นำรัฐบาลปฏิเสธอำนาจการตรวจสอบมาโดยตลอด หากยังมีพฤติกรรมเช่นนี้พรรคเพื่อไทยอย่าหวังว่าประเทศจะสงบ การจะกลับสู่กระบวนการเลือกตั้งได้ต้องเคารพกฎหมายไม่ใช่เลือกเคารพเฉพาะประเด็นที่ตัวเองพอใจ” นายชวนนท์กล่าว

ส่วนกรณีที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ กล่าวหาว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินสองมาตรฐานนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า เป็นการให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมโดยใช้โลกมาล้อมประเทศไทย เช่นเดียวกับที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ วิจารณ์คำตัดสินของศาลกรณียกฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม คดีสังหารนายอัลรูไวลี เพราะรัฐบาลไม่สามารถต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของไทยได้จึงพยายามใช้สื่อต่างชาติมาล้อมประเทศไทย อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ได้ชี้แจงเรื่องนี้มาต่อเนื่อง เพราะพรรคเพื่อไทยทำร้ายประเทศไทยด้วยการโกหกบิดเบือน สร้างความสับสน ดึงต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน เป็นพฤติกรรมขายชาติเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ซึ่งประชาชนต้องก้าวให้ทันแนวคิดนี้และมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมเพื่อนำชาติพ้นวิกฤต

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า แนวคิดที่พรรคเพื่อไทยต้องการให้มีการเลือกตั้งเร็วที่สุดนั้น ไม่ใช่คำตอบของประเทศ เพราะเป็นควาคิดของนักเลือกตั้ง การหาทางออกให้ประเทศต้องหารือกับประชาชนที่ยังมีความเห็นต่าง ไม่เช่นนั้นกระบวนการเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้ยาก ทั้งนี้ พรรคพร้อมสนับสนุนกระบวนการเลือกตั้งให้กลับเป็นวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ลากประเทศไปเลือกตั้งโดยไม่แก้ปัญหาประเทศ จึงขอให้ กกต.คำนึงถึงเหตุปัจจัยที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อย โดย กกต.สามารถเป็นเจ้าภาพขอความเห็นจากประชาชนก่อนเดินหน้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความร่วมมือเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ประชาชนเห็นพ้องต้องกัน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดกับประชาชน โดยล่าสุดมีการลอบยิงการ์ด คปท.เสียชีวิต 1 รายว่า เป็นตัวอย่างการก่อการร้ายที่ทำงานอย่างเป็นระบบ ติดตามความเคลื่อนไหวของประชาชน และลอบกัด ลอบทำร้าย สังหารประชาชน เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องเร่งคลี่คลายและหาข้อเท็จจริงทำเรื่องนี้ให้กระจ่างว่าใครอยู่เบื้องหลัง นอกจากการโพสต์ข้อความของคนเสื้อแดงที่พูดถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำนั้น ตำรวจต้องสอบสวนเพิ่มเติมว่าเหตุใดจึงมีการคาดการณ์อย่างแม่นยำ และตำรวจต้องแสดงความเป็นมืออาชีพในการพิทักษ์สันติราษฎร์ เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพานักการเมืองที่ดูแลด้านความมั่นคงได้อีกต่อไป โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน และ ผอ.ศอ.รส. ที่มีการทำนายว่าจะมีเหตุรุนแรงอีก ซึ่งถือว่าเป็นการประกาศตนเป็นศัตรูกับประชาชนอย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลไม่สามารถมีชีวิตปลอดภัยได้อีกต่อไป จึงขอให้ตำรวจน้ำดีช่วยสืบสวนสอบสวนกรณีลอบยิงการ์ด คปท.และระเบิดที่มีนบุรี ซึ่งมีความพยามตัดตอนไม่ให้สาวถึงผู้บงการ เพราะระเบิดที่พบมีความเชื่อมโยงมีลักษณะเดียวกับที่ก่อเหตุหน้าสำนักงานอัยการ จึงต้องตั้งขอสันนิษฐานว่าการที่ผู้มีอำนาจพยายามจะตัดตอนคดีนี้เป็นเพราะเข้าไปรู้เห็นเป็นใจและผู้ก่อเหตุได้รับความคุ้มครองจากพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่

“วันเสาร์ที่ 5 เมษายน มีการวิจารณ์ว่าอาจมีการสร้างความรุนแรงให้เกิดความวุ่นวาย เพราะมีการเตรียมอาวุธสงครามสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนลุกฮือ เกิดการจลาจล ซึ่งเป็นเวลาสำคัญที่ตำรวจต้องแสดงความสามารถในการปกป้องประชาชนไม่ให้มีการนำชีวิตประชาชนไปสนองผลประโยชน์ทางการเมืองอีก” นายชวนนท์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น