“องอาจ” ขอบคุณ “ปู” แจง ป.ป.ช.ดักอย่ากดดัน “วรงค์” ติงใช้แต่เทคนิคแหลหวังปลุกระดม

รอง หน.ปชป.ขอบคุณนายกฯ เข้าแจง ป.ป.ช.เอง แต่อย่าปล่อยให้สาวกไปขู่กดดัน ดิสเครดิต ต้องให้ร่วมมือ อย่ายื้ออำนาจเพิ่มพยาน-เอกสารไปเรื่อย ย้ำพรุ่งนี้สำคัญศาล รธน.วินิจฉัยปมย้าย “ถวิล” ขัด รธน.-กระทบเก้าอี้นายกฯ จี้ปรามสาวกหยุดคุกคาม มือปราบโกงจำนำข้าว ผิดหวังนายกฯ ไม่เคลียร์หักล้างโกงข้าว อ้างแต่ ป.ป.ช.ไร้อำนาจ ใช้เทคนิคไม่แก้เชิงสามารถ มุ่งบิดเบือนหวังปลุกระดม





วันนี้ (1 เม.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปชี้แจงข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ด้วยตัวเอง เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่ายังเคารพกระบวนการยุติธรรมภายใต้การตรวจสอบของรัฐธรรมนูญ แต่นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงตนว่าไม่ปล่อยปละละเลยให้มีการกดดันการทำงาน หรือลดความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระด้วย ดังนั้น หลังจากนี้ไปนายกรัฐมนตรีควรต้องดำเนินการเพื่อให้เห็นว่าไม่ต้องการยื้อเวลาการอยู่ในอำนาจให้นานออกไป โดยควรให้ความร่วมมือการตรวจสอบ ไม่ใช่ขอเพิ่มพยานอีก 11 ปาก พร้อมเอกสารอีก 3 ลัง และต้องยุติการลดความน่าเชื่อใน ป.ป.ช. หรือสร้างความเข้าใจผิด ที่สำคัญต้องหาทางระงับยับยั้งกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ให้ไปกดดันข่มขู่คุกคามการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.

นายองอาจกล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ถือเป็นวันสำคัญอีกหนึ่งวันของการเมืองไทย ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าจะรับเรื่องที่สมาชิกวุฒิสภายื่นให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรีกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไม่เป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งคำร้องของ ส.ว.ที่ยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ในหลายประการ ดังนี้คือ 1. ไม่ได้ดำเนินการตามนโยบายที่แถลงต่อสภา 2. ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และ 3. ย้ายเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง จึงถือว่ากระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว

“ผมคิดว่าผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในเวลาอันใกล้ เพราะไม่ต้องใช้เวลาพิจารณานานเนื่องจากมีคำตัดสินศาลปกครองสูงสุดเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่วิตกว่าหากพรุ่งนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาต่อไป ก็กังวลว่าจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างโปร่งใส อิสระ จึงเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยอมรับการตรวจสอบและเคารพการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ หาทางป้องกันไม่ให้ผู้สนับสนุนตัวเองกดดันข่มขู่คุกคามการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ”

ส่วน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการไปชี้แจง ป.ป.ช.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเป็นพฤติกรรมที่น่าผิดหวังเพราะคนระดับนายกรัฐมนตรีควรจะตอบโจทย์ ป.ป.ช.สองข้อ คือ การนำเอกสารไปชี้แจงหักล้างว่าโครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริตอย่างไร โดยเฉพาะการระบายข้าว เนื่องจากรับทราบอย่างดี และต้องหักล้างว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการปราบปรามการทุจริตอย่างเต็มที่ แต่การไป ป.ป.ช.ครั้งนี้เป็นแค่ลูกไม้เก่าๆ เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง คือ แก้ข้อกล่าวหาในเชิงเทคนิค ไม่แก้ในเชิงสามารถ เช่น อ้างว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจ ทั้งที่ ป.ป.ช.มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามกฎหมาย และกล่าวหานายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ทั้งที่ มีมติไปแล้วว่าไม่มีการเปลี่ยนตัวนายวิชา อีกทั้งยังกล่าวหาว่าเร่งรัดดำเนินคดี รวมถึงกล่าวหาว่าตนและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าเชื่อถือเพราะเป็นคู่แข่งทางการเมือง เป็นการเปิดประเด็นใหม่เพื่อให้เกิดความสับสนในสังคม

“การไปชี้แจงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นการดิ้นซ้ายทีขวาที เช่น กล่าวหาว่าไม่ตั้งอนุกรรมการไต่สวนแต่ใช้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ โดย ป.ป.ช.ชี้แจงแล้วว่าเป็นการให้เกียรติสถานะนายกรัฐมนตรีจึงใช้องค์คณะชุดใหญ่แต่กลับเบี่ยงประเด็นเรียกร้องให้มีการตั้งผู้ไต่สวนอิสระจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามาแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะหน้าที่นี้เป็นของ ป.ป.ช.ไม่เกี่ยวกับศาลฎีกา สะท้อนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย พยายามบิดเบือนประเด็นต่อสังคม ทั้งนี้หากชี้แจงไม่ได้ก็ต้องไปเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯอยู่แล้ว”

ส่วนที่มีการขอให้สืบพยานเพิ่มอีก 11 ปากนั้น นพ.วรงค์เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็น เพราะ ป.ป.ช.ต้องการรู้ว่า ทุจริตจริงหรือไม่ มีการปล่อยปละละเลยหรือไม่ การตั้งพยานขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลาและใช้เป็นข้ออ้างในการปลุกระดมมวลชนว่าไม่ให้โอกาสชี้แจง ทั้งที่พยานทั้งหมดไม่มีผลต่อรูปคดี ยกเว้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในสมัยเป็นรองนายกฯที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลเรื่องการทุจริตจำนำข้าวรวบรวมคดีได้ 25 คดีแต่เป็นคดีปลาซิวปลาสร้อยทั้งสิ้น ไม่สามารถดำเนินการกับปลาตัวใหญ่ที่ทุจริตการระบายข้าวได้ จึงเห็นว่าสังคมต้องตามให้ทันหมากของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าต้องการซื้อเวลา เบี่ยงประเด็นเพื่อปลุกระดมมวลชนว่าถูกกลั่นแกล้งเท่านั้น