“ยิ่งลักษณ์” พร้อมสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมใจแต่งดำ ประชดไม่รับคำพิพากษาศาลรธน.ชี้เลือกตั้ง 2 ก.พ.โมฆะ อ้อนขาเจ็บแต่ใจยังสู้ พร้อมย้ำกลางที่ประชุม ไม่ยึดติด แต่เกาะเก้าอี้นายกฯรักษา ปชต.จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ตามกรอบ กม.“อภิวินท์” เสี้ยม 53 พรรค ร่วมเล่นงาน ปชป.-กปปส.-กกต.หลังทำเลือกตั้งคว่ำไม่เป็นท่า “อดิศร” เชื่ออนาคตนำไปสู่นายกฯมาตรา 7 แน่นอน จี้พรรคจัดชุมนุมคนเสียสิทธิ์มั่นใจคนร่วมเป็นแสน
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557 ภายใต้แนวคิด “มุ่งมั่น ผลักดัน รักษาประชาธิปไตย” โดยมีแกนนำพรรคประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึง นายเสนาะ เทียนทอง ผู้อาวุโสของพรรค ตลอดจนแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นสมาชิกพรรคเดินทางมาร่วมประชุมกันโดยพร้อมเพรียง ซึ่งทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดสีดำเพื่อเป็นการไว้ทุกข์ให้กับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยให้การเลือกตั้งทั่วไป 2 ก.พ.ที่ผ่านมาขัดต่อรัฐธรรมนูญ รวมถึงคัดค้านการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ที่นัดชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 29 มี.ค.นี้
ขณะที่ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรายอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกพรรค ได้เดินทางมาสมทบในช่วงบ่าย ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั่งรถวีลแชร์ เนื่องจากยังมีอาการเจ็บที่เท้ามาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งกิจกรรมในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 10.00 น.มีการบรรยายธรรมในหัวข้อ “มรรคา ประชาธิปไตย” หรือหนทางของประชาธิปไตย โดย พระครูปลัดบัณทิต อินฺทเมธี (สิทธิพล) วัดสังข์กระจาย ก่อนที่จะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมจาก 19 คน เป็น 22 คน เพิ่มเติมในส่วนของตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค 3 คน ประกอบด้วย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นายธวัชชัย สุทธิบงกช และ น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น.เริ่มเข้าสู่การประชุมอย่างเป็นทางการ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวช่วงหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีใครเป็นที่พึ่ง มีแต่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ให้การสนับสนุน วันนี้เราอาจจะแพ้ ประชาชนรู้ว่าอะไรคืออะไร เราแพ้มาหลายครั้ง ถึงแพ้ก็แพ้ไม่นาน ก็จะกลับเข้ามาด้วยการเลือกตั้ง อยากให้สมาชิกพรรคไปชี้แจงประชาชนในพื้นที่ของตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น มีความจำเป็นต้องต่อสู้ จะทำในวิถีทางประชาธิปไตย ส่วนเรื่องนายกฯคนกลางที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่ได้มาจากประชาชน
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า แม้ตอนนี้ขายังเจ็บอยู่แต่ก็ใจสู้ ในเมื่อตัดสินใจยุบสภา อยากเห็นความขัดแย้งต่างๆ ลดลงไป ตามกติกาสากลเมื่อยุบสภาต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลใหม่ แต่กลับมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคนที่อดทนมาโดยตลอด ตอนนี้มีการแสดงออกมาก แต่ต้องอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ในกรอบกฎหมาย สิ่งที่อยากเห็นคือทุกคนยึดมั่นกติกาความสมดุลของ 3 เสาหลัก ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายกระบวนการยุติธรรม ถ้าทุกฝ่ายช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ต่างๆ ให้เกิดความเท่าเทียมกัน จะลดความขัดแย้งลงไป จะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในหัวใจของทุกคน และเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนในการประคองสถานการณ์ต่างๆ ให้เกิดความเสมอภาคลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ เพื่อให้ประเทศไทยของเรากับเข้าสู่กลไกของระบอบประชาธิปไตย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ผู้นำรัฐบาลภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้มีการว่างเว้น หากมีการว่างเว้นจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ทำให้ต้องรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ แต่อุปสรรคต่างๆ มีมากมาย เชื่อว่าด้วยอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทยที่มีความมุ่งมั่นในการรักษากรอบของประชาธิปไตยมาโดยตลอด ทำให้เราได้ใช้หลักตรงนี้เดินในวิธีทางของประชาธิปไตย การเดินในความเห็นที่ต่างไม่ได้หมายความว่าเราจะมองเห็นในสิ่งที่ขัดแย้งหรือเราจะไม่เคารพกติกาใดๆ แต่สิ่งที่เราต้องแสดงออกนั้นเพื่อให้วิธีทางต่างๆ ดำเนินการไปตามขั้นตอนทำนองครองธรรมของประชาธิปไตยและภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ
“ดิฉันไม่ยึดติด พร้อมที่จะส่งมอบหน้าที่นี้กับผู้ที่จะมาเป็นรัฐบาลใหม่ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ ต้องขอขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคนอีกครั้งหนึ่ง ต้องขอให้ร่วมกันอดทนอดกลั้นและช่วยกันประคองเหตุการณ์ต่างๆ ให้ไปต่อได้โดยไม่ให้เกิดความรุนแรง การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคงมาร่วม 4 เดือน เราผ่านกันมาด้วยความอดทนถึงแม้ในหลายๆ กรณีรัฐบาลไม่สามารถที่จะดำเนินนโยบายที่มีผลผูกพันกับรัฐบาลใหม่ได้ ทำให้เกิดข้อจำกัดหลายข้อ แต่ ครม.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามทุกวิธีทางที่จะทำให้ดำเนินการได้ เท่าที่ทำได้ ไม่ให้พี่น้องประชาชนต้องติดขัด อยากให้สมาชิกทุกคนไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนนั้นอยู่ในใจของเราตลอดเวลา อะไรที่เราเคยทำได้ตลอด 2 ปีกว่า เราทำทุกงานที่เราทำได้ ถึงแม้ตอนนี้จะมีข้อจำกัดต่างๆ แต่เราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด สุดท้ายนี้หวังว่าถนนหนทางที่เราต้องเดินข้างหน้าไปสู่เส้นทางประชาธิปไตย แม้จะมีทางแยกมากมายที่จะทำให้เราต้องเดินไปคนละทางสองทาง แต่ถ้าเราเดินด้วยความสุขุม เดินด้วยเป้าหมายของประชาธิปไตยด้วยกัน แม้ตอนแรกอาจจะรู้สึกเปล่าเปลี่ยวแต่สักพักเราจะมีคนร่วมเดินไปกับเราด้วยกัน” นายกฯยิ่งลักษณ์ กล่าว
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานการประชุม กล่าวว่า รัฐบาลจะเป็นรัฐบาลรักษาการนานไม่ได้ หากมีคำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญออกมา 53 พรรคการเมืองที่เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง จะหารือร่วมกับ กกต.เพื่อร่วมกำหนดความเป็นไปได้ในการจัดการเลือกตั้งใหม่ การเลือกตั้ง 2 ก.พ.ที่เป็นโมฆะ พรรคประชาธิปัตย์ กปปส.ต้องรับผิดชอบ เมื่อมีคำวินิจฉัยกลางออกมาเราจะฟ้องทั้งทางแพ่ง ทางอาญาต่อ พรรคประชาธิปัตย์ กปปส. กกต.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้ที่ไปเลือกตั้ง 20 ล้านเสียง
จากนั้นมีการเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยแสดงความเห็น โดย นายอดิศร เพียงเกษ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และหนึ่งในแกนนำ นปช.กล่าวว่า พรรคได้รับความเสียหายจากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมา 3 ครั้ง นักกฎหมายต่างเห็นว่าคำวินิจฉัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลเดียวที่มีคำตัดสินออกมาแล้วผู้เสียหายไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อ หากจะพึ่งพาแนวทางกฎหมายคงไม่มีแสงแสงสว่าง เคยประชุมร่วมกับคณะกรรมการกิจการพรรคจึงเสนอไปว่าเราต้องยึดโยงกับมิตรแท้คือประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่ไปออกเสียงลงคะแนน 20 ล้านเสียง อยากให้พรรคจัดชุมนุมคนที่เสียสิทธิ์ในทุกจังหวัดโดยเร็วที่สุด เชื่อว่าถ้าทำ จ.ขอนแก่น จ.เชียงราย จะมีคนมาร่วมชุมนุมเป็นแสนคน
นายอดิศร เปิดเผยอีกครั้งว่า ส่วนตัวไม่เชื่อระบบกฎหมายจะเมตตาฝ่ายเราอยู่แล้ว อนาคตนำไปสู่นายกฯมาตรา 7 แน่นอน วันนี้เปิดไพ่เล่นกันหมดแล้ว คนไปลงคะแนนผิดตรงไหน คนไปลงคะแนนปวดร้าว ก็ไม่อยากเป็นคนไทย ไม่ไปเลือกตั้งก็ถูกตัดสิทธิ์ พอไปเลือกตั้งการเลือกตั้งก็โมฆะอีก ตกลงประเทศนี้จะเอาอย่างไรกัน