โฆษก ปชป.กังขาถล่มเอ็ม 16 ใส่บ้าน “จตุพร” พลาดเป้า จี้ ศอ.รส.ตามล่าคนก่อเหตุมาดำเนินคดี หวั่นรัฐบาลเดินแผนใต้ดินใช้ความรุนแรงสร้างความชิงชังระหว่างมวลชนสองกลุ่ม ซัดตำรวจสองมาตรฐาน ไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามแต่ปล่อยคนร้ายก่อเหตุกับผู้ชุมนุมลอยนวล พร้อมบี้ “ยิ่งลักษณ์-เพื่อไทย” ลงสัตยาบันรับอำนาจศาล รธน. ยัน ปชป.พร้อมลงเลือกตั้ง แต่ต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ดักคอ “สมศักดิ์-นิคม” ให้รับการชี้มูลความผิด ป.ป.ช. ปมแก้ที่มา ส.ว.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์รุนแรงใน กทม.หลังมีการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่าเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการประเมินของรัฐบาลที่อ้างว่ายกเลิการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว แต่กลับมีการสร้างสถานการณ์ทั้งกราดยิงใส่ข้างบ้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และยิงเอ็ม 79 ข้างบ้านนายนิสิต สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดง โดยเกรงว่าจะเป็นขบวนการสร้างความเกลียดชังในกลุ่มมวลชน
“ผมขอตั้งข้อสังเกตเหตุกราดยิงบ้านนายจตุพร ที่ยิงผิดบ้านด้วยว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่ เพราะไม่น่าจะยิงผิด ขอให้ ศอ.รส.เร่งค้นหาความจริงโดยด่วน เพราะขณะนี้ ศอ.รส.ทำงานเหมือนดูแลเฉพาะคดีที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลถูกกล่าวหาทั้งสิ้น โดยล่าสุดมีการจับมือปืนป็อปคอร์นได้ แต่ไม่มีความคืบหน้าในการจับกุมผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ทั้งที่เห็นหน้าผู้ร้ายอย่างชัดเจน เป็นการใช้กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นแบบสองมาตรฐาน ใช้กฎหมายจัดการเฉพาะผู้ที่อยู่ตรงกันข้าม ส่วนพวกเดียวกันจะแบ่งแยกดินแดน ข่มขู่ หรือหมิ่นสถาบันทำได้หมด โดยรัฐบาลไม่สนใจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำให้ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤตซึ่งจะทำให้การไม่ยอมรับรัฐบาลรุนแรงมากขึ้น”
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะหรือไม่ในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และขอให้รัฐบาลอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับคนไทยคนอื่นเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ต้องออกมายืนยันว่าพร้อมน้อมรับเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติหาทางออกให้กับประเทศ
“ขอถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเลือกตั้งไม่เป็นโมฆะ รัฐบาลจะยอมรับหรือไม่ จึงขอให้ออกมาแสดงจุดยืนก่อนที่จะมีคำวินิจฉัย และกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นทางออกของประเทศได้อย่างแท้จริง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องเร่งให้สัตยาบันว่าจะยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นก้าวแรกของการหาทางออกให้บ้านเมือง จากนั้นจึงมาร่วมกันพิจารณาเพื่อกำหนดแนวทางการเลือกตั้งที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่การเลือกตั้งใหม่ต้องมีหลักประกันว่าจะเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีการขัดขวางการเลือกตั้ง หรือไม่ใช่การเลือกตั้งโจ๊กอย่างที่ผ่านมา”
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การที่พรรคจะลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งใหม่หรือไม่ ไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากคนที่จะปลดชนวนความขัดแย้งคือรัฐบาล โดยต้องพิจารณาว่าจะต้องทำอะไรก่อนการเลือกตั้ง และพรรคก็พร้อมเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปประเทศควบคู่ไปด้วยอยู่แล้ว ซึ่งต้องพิจารณาเงื่อนไขของกลุ่มต่างๆ ด้วยว่ามีอย่างไรบ้าง แต่หากรัฐบาลจะดึงดันเลือกตั้งทันทีโดยที่ไม่มีคำตอบในการแก้ปัญหาชาติก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อการคลี่คลายวิกฤตที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองในขณะนี้ ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยต้องลดทิฐิเพื่อให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น โดยรัฐบาลไม่ควรเป็นเจ้าภาพเพราะเป็นคู่ขัดแย้ง จึงต้องหาวิธีการที่ทุกฝ่ายยอมรับด้วย ไม่ใช่ยึดแต่สิ่งที่ตัวเองอยากได้เท่านั้น
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลความผิดนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ที่กระทำความผิดต่อหน้าที่กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปมที่มา ส.ว.ว่า เป็นกระบวนการที่มีการยื่นคำร้องและมีการพิจารณานานกว่า 7 เดือนแล้ว โดยหาก ป.ป.ช.ชี้ว่ามีความผิด นายนิคมจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนนายสมศักดิ์ถือว่าโชคดีที่พ้นสถานภาพการเป็น ส.ส.ไปแล้ว จากนั้น ป.ป.ช.ต้องส่งเรื่องให้ ส.ว.ดำเนินการถอดถอนต่อไป แต่อย่านำเรื่องดังกล่าวมาเชื่อมโยงกับความวุ่นวายทางการเมืองในขณะนี้เพราะเหตุที่เกิดนั้น ก่อนที่จะมีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
ส่วนที่นายนิคมกล่าวหาว่ากระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ไม่เป็นธรรมเพราะไม่สืบพยานตามจำนวนที่ร้องขอไปนั้น นายจุฤทธิ์กล่าวว่า ฟังไม่ขึ้น เป็นคำอ้างที่พิสดาร เพราะตนเป็นผู้ที่ยื่นถอดถอนนายนิคม แต่กลับอ้างตนและอีก 15 คนไปเป็นพยานเพื่อช่วยนายนิคมหลุดคดี ดังนั้น การที่ตนไปเป็นพยานจึงไปในฐานะผู้ร้องด้วย จึงขอทำนายล่วงหน้าว่านายนิคมจะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.
“ขอเรียกร้องให้ทั้งนายสมศักดิ์ และนายนิคม ยอมรับคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี อย่าตั้งโต๊ะแถลงไม่ยอมรับอำนาจ ป.ป.ช.เหมือนที่เกิดขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ และฝากถึงประชาชนให้พิจารณาคนที่อาสาเข้ามาเป็น ส.ว.อย่างรอบคอบ ไม่เลือกคนที่ไม่ยอมรับผิดเข้ามา แต่ชื่อว่าคนไทยมองเห็นว่าปัญหามาจากนักการเมืองส่วนหนึ่งที่ไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและไม่ทำงานในฐานะเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง คนไทยจึงต้องเลือก ส.ว.เพื่อเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยไม่ใช่ต่อสู้เพื่อระบบใดระบบหนึ่ง”